1. การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งนักการข่าว 10 ชช. (สำนักนายกรัฐมนตรี)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) เสนอให้แต่งตั้ง นายสืบวงษ์ ประสาทเสรี ที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าว 9 ชช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าว 10 ชช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
2. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ จำนวน 8 คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิม ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด 2 ปี ตามวาระ โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้ 1.นายวัลลภ พลอยทับทิม 2. นางสายสุรี จุติกุล 3. นายวิชัย รูปขำดี 4. นายจรัญ ภักดีธนากุล 5. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ 6. นายปราโมช รัฐวินิจ 7. นายนิรันดร์ เมืองพระ 8. พลตำรวจตรี ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์
3. การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ แต่งตั้งนายสุรเวทย์ กฤษณะเศรณีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมการเกษตร (วิศวกรการเกษตร 9 วช.) กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ และต้องพ้นจากราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมการเกษตร (วิศวกรการเกษตร 10 วช.) กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
4. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงคมนาคม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้โอนย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการระดับ 10 เพื่อความเหมาะสม จำนวน 2 ราย ดังนี้
1. ให้โอน นายประสงค์ ตันมณีวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
2. ให้โอน นายถวัลย์ อ่อนศิระ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
5. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน จำนวน 6 ราย แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ลาออก ดังนี้ นายพรชัย รุจิประภา เป็นประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย นายพิชิต อัคราทิตย์ นางเกษรี ณรงค์เดช นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นายพิภพ พฤกษมาศน์ และนายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
6. แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 12 / 2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้
องค์ประกอบ รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมหมาย ภาษี) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมบังคับคดี อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายธีระ วงศ์สมุทร) เป็นกรรมการและเลขานุการ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
อำนาจหน้าที่
1. ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 เรื่อง การแก้ไขหนี้สินเกษตรกร
2. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือบุคคลเพื่อช่วยปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
3. เชิญผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือผู้แทนภาคเอกชนมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ข้อมูล รวมทั้งเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา
4. ปฏิบัติงานอื่น ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
7. การแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ ดังนี้
โดยที่สมควรปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 284/2549 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2549 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีมีการตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูล ความจำเป็น ความเหมาะสม และความสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นระบบและรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ประกอบกับมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายและมอบอำนาจจากคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 19 ธันวาคม 2549 จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 284/2549 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2549 และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ โดยมีองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่และกลไกการปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้
1. คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1
1.1 องค์ประกอบ
1.1.1 รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)
1.1.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองประธานกรรมการ
1.1.3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรรมการ
1.1.4 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการ
1.1.5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ
1.1.6 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กรรมการ
และกีฬา
1.1.7 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี กรรมการ
สารสนเทศและการสื่อสาร
1.1.8 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กรรมการ
1.1.9 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
1.1.10 ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการ
1.1.11 เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรรมการ
1.1.12 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
1.1.13 เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
1.1.14 เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรรมการและ
เลขานุการ
1.1.15 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการและ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ช่วยเลขานุการ
1.1.16 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการและ
ฝ่ายการเมืองประจำรองนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการ
(หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)
1.2 อำนาจหน้าที่
1.2.1 พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ ราชบัณฑิตยสถานสำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และองค์กรอิสระต่างๆ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
1.2.2 มีอำนาจเชิญรัฐมนตรีและหน่วยงานอื่น ๆ มาชี้แจง
1.3 กลไกการปฏิบัติงาน
1.3.1 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดส่งเรื่องสำคัญในปัญหาตามที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ 1.2.1 เสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมทั้งความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบ ให้คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
1.3.2 เรื่องสำคัญซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการตามคำสั่งนี้หมายถึงเรื่องที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1.3.2.1 เรื่องที่เป็นปัญหาในเชิงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน
1.3.2.2 เรื่องที่ต้องใช้งบประมาณดำเนินการเป็นจำนวนมาก
1.3.2.3 เรื่องที่กระทบต่อการปฏิบัติราชการของหลายหน่วยงาน
1.3.2.4 เรื่องที่หน่วยงานต่าง ๆ มีความเห็นไม่สอดคล้องกัน
1.3.2.5 เรื่องที่ยังไม่เคยมีระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติมาก่อน
1.3.2.6 เรื่องที่อาจมีผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สังคม จิตวิทยา หรือความมั่นคงหรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมในส่วนที่เกี่ยวข้อง
1.3.2.7 เรื่องที่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะอื่น นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีขอให้พิจารณา
1.3.3 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกคนจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการดังกล่าวก็ได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีเช่นนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารอื่น ๆ ให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกคนทราบทุกครั้งด้วย
1.3.4 ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าวเข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารอื่น ๆ ให้บุคคลดังกล่าวทราบทุกครั้ง
1.3.5 คณะกรรมการมีอำนาจเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรมหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลอื่นที่อาจให้ข้อมูลเข้าร่วมประชุมในปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ตามที่เห็นสมควร
1.3.6 วันเวลา สถานที่ และการประชุม ให้เป็นตามที่คณะกรรมการกำหนด
2. คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2
2.1 องค์ประกอบ
2.1.1 รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์)
2.1.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ รองประธานกรรมการ
และสิ่งแวดล้อม
2.1.3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ
2.1.4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กรรมการ
2.1.5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ กรรมการ
และเทคโนโลยี
2.1.6 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ
2.1.7 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
2.1.8 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
2.1.9 เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
2.1.10 เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรรมการและ
เลขานุการ
2.1.11 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการและ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ช่วยเลขานุการ
2.1.12 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการและ
ฝ่ายการเมืองประจำรองนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการ
(นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์)
2.2 อำนาจหน้าที่
2.2.1 พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
2.2.2 มีอำนาจเชิญรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่น ๆ มาชี้แจง
2.3 กลไกการปฏิบัติงาน
2.3.1 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดส่งเรื่องสำคัญในปัญหาตามที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ 2.2.1 เสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาหรือเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณา พร้อมทั้งความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบให้คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
2.3.2 เรื่องสำคัญตามคำสั่งนี้ซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการหมายถึงเรื่องที่มีลักษณะตามข้อ 1.3.2 ข้างต้น
2.3.4 ให้นำข้อ 1.3.3 — ข้อ 1.3.6 ข้างต้น มาใช้บังคับด้วย
3. ให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งเว้นแต่ไม่มีเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ
ในกรณีที่ประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ เป็นผู้นัดประชุมและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ แทน เว้นแต่ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคราวนั้นแทนรองประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ หากรองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมหลายคน ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายก- รัฐมนตรีผู้อยู่ในลำดับต้นของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 190/2549 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 254/2549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน เป็นประธาน
4. เมื่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเป็นประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือพิจารณา แล้วแต่กรณี เว้นแต่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะเห็นควรดำเนินการเป็นประการอื่น ก็ให้ดำเนินการตามมตินั้น
5. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเข้าประชุมแทน และหากจำเป็นอาจพิจารณามอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ จะพิจารณาเป็นอย่างดี เป็นผู้เข้าประชุมแทนในกรณีที่ปลัดกระทรวง เลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรองปลัดกระทรวง รองเลขาธิการ หรือรองผู้อำนวยการเป็นผู้เข้าประชุมแทน
6. ในกรณีเห็นสมควร คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ตามคำสั่งนี้จะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ หลายคณะร่วมกัน เพื่อพิจารณาปัญหาคาบเกี่ยวให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน และมีการประสานสอดคล้องกันก็ได้
7. เรื่องใดที่ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะใดเห็นว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ คณะอื่นที่ไม่ใช่คณะของตนให้ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะนั้นมีอำนาจสั่งการให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้พิจารณาได้
8. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกในการประชุมคณะกรรมการทุกคณะตามคำสั่งนี้ และมีอำนาจออกระเบียบหรือคำสั่งที่จำเป็นเพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
9. ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอาจขอให้นายกรัฐมนตรีหรือที่ประชุมร่วมรองนายกรัฐมนตรีวินิจฉัยหรือสั่งการตามที่เห็นสมควรได้
บทเฉพาะกาล
10.ในระยะเริ่มแรก ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ทั้ง 2 คณะ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ระหว่างการจัดเข้าระเบียบวาระ ฯ ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ทั้งหมด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มกราคม 2550--จบ--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) เสนอให้แต่งตั้ง นายสืบวงษ์ ประสาทเสรี ที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าว 9 ชช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการดำเนินงานข่าวกรองในต่างประเทศ (นักการข่าว 10 ชช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
2. การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ จำนวน 8 คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิม ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด 2 ปี ตามวาระ โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้ 1.นายวัลลภ พลอยทับทิม 2. นางสายสุรี จุติกุล 3. นายวิชัย รูปขำดี 4. นายจรัญ ภักดีธนากุล 5. นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ 6. นายปราโมช รัฐวินิจ 7. นายนิรันดร์ เมืองพระ 8. พลตำรวจตรี ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์
3. การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ แต่งตั้งนายสุรเวทย์ กฤษณะเศรณีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมการเกษตร (วิศวกรการเกษตร 9 วช.) กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ และต้องพ้นจากราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมการเกษตร (วิศวกรการเกษตร 10 วช.) กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
4. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงคมนาคม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้โอนย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการระดับ 10 เพื่อความเหมาะสม จำนวน 2 ราย ดังนี้
1. ให้โอน นายประสงค์ ตันมณีวัฒนา ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี
2. ให้โอน นายถวัลย์ อ่อนศิระ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
5. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน จำนวน 6 ราย แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ลาออก ดังนี้ นายพรชัย รุจิประภา เป็นประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย นายพิชิต อัคราทิตย์ นางเกษรี ณรงค์เดช นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นายพิภพ พฤกษมาศน์ และนายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
6. แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 12 / 2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้
องค์ประกอบ รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมหมาย ภาษี) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมบังคับคดี อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายธีระ วงศ์สมุทร) เป็นกรรมการและเลขานุการ เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
อำนาจหน้าที่
1. ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2550 เรื่อง การแก้ไขหนี้สินเกษตรกร
2. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือบุคคลเพื่อช่วยปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
3. เชิญผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ หรือผู้แทนภาคเอกชนมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือให้ข้อมูล รวมทั้งเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา
4. ปฏิบัติงานอื่น ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
7. การแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 8/2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ ดังนี้
โดยที่สมควรปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 284/2549 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2549 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีมีการตรวจสอบกลั่นกรองข้อมูล ความจำเป็น ความเหมาะสม และความสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นระบบและรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ประกอบกับมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีได้รับมอบหมายและมอบอำนาจจากคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 19 ธันวาคม 2549 จึงให้ยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 284/2549 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2549 และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี รวม 2 คณะ โดยมีองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่และกลไกการปฏิบัติงาน ดังต่อไปนี้
1. คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1
1.1 องค์ประกอบ
1.1.1 รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)
1.1.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองประธานกรรมการ
1.1.3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรรมการ
1.1.4 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการ
1.1.5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ
1.1.6 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กรรมการ
และกีฬา
1.1.7 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี กรรมการ
สารสนเทศและการสื่อสาร
1.1.8 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กรรมการ
1.1.9 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
1.1.10 ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการ
1.1.11 เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรรมการ
1.1.12 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
1.1.13 เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
1.1.14 เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรรมการและ
เลขานุการ
1.1.15 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการและ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ช่วยเลขานุการ
1.1.16 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการและ
ฝ่ายการเมืองประจำรองนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการ
(หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)
1.2 อำนาจหน้าที่
1.2.1 พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ ราชบัณฑิตยสถานสำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และองค์กรอิสระต่างๆ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
1.2.2 มีอำนาจเชิญรัฐมนตรีและหน่วยงานอื่น ๆ มาชี้แจง
1.3 กลไกการปฏิบัติงาน
1.3.1 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดส่งเรื่องสำคัญในปัญหาตามที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ 1.2.1 เสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมทั้งความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบ ให้คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
1.3.2 เรื่องสำคัญซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการตามคำสั่งนี้หมายถึงเรื่องที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1.3.2.1 เรื่องที่เป็นปัญหาในเชิงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน
1.3.2.2 เรื่องที่ต้องใช้งบประมาณดำเนินการเป็นจำนวนมาก
1.3.2.3 เรื่องที่กระทบต่อการปฏิบัติราชการของหลายหน่วยงาน
1.3.2.4 เรื่องที่หน่วยงานต่าง ๆ มีความเห็นไม่สอดคล้องกัน
1.3.2.5 เรื่องที่ยังไม่เคยมีระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติมาก่อน
1.3.2.6 เรื่องที่อาจมีผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สังคม จิตวิทยา หรือความมั่นคงหรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมในส่วนที่เกี่ยวข้อง
1.3.2.7 เรื่องที่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะอื่น นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีขอให้พิจารณา
1.3.3 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกคนจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการดังกล่าวก็ได้ตามที่เห็นสมควร ในกรณีเช่นนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารอื่น ๆ ให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกคนทราบทุกครั้งด้วย
1.3.4 ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าวเข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารอื่น ๆ ให้บุคคลดังกล่าวทราบทุกครั้ง
1.3.5 คณะกรรมการมีอำนาจเชิญผู้แทนกระทรวง ทบวง กรมหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลอื่นที่อาจให้ข้อมูลเข้าร่วมประชุมในปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ตามที่เห็นสมควร
1.3.6 วันเวลา สถานที่ และการประชุม ให้เป็นตามที่คณะกรรมการกำหนด
2. คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2
2.1 องค์ประกอบ
2.1.1 รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์)
2.1.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ รองประธานกรรมการ
และสิ่งแวดล้อม
2.1.3 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ
2.1.4 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กรรมการ
2.1.5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ กรรมการ
และเทคโนโลยี
2.1.6 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ
2.1.7 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ
2.1.8 ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ
2.1.9 เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
2.1.10 เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรรมการและ
เลขานุการ
2.1.11 เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการและ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ช่วยเลขานุการ
2.1.12 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการและ
ฝ่ายการเมืองประจำรองนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการ
(นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์)
2.2 อำนาจหน้าที่
2.2.1 พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
2.2.2 มีอำนาจเชิญรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่น ๆ มาชี้แจง
2.3 กลไกการปฏิบัติงาน
2.3.1 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดส่งเรื่องสำคัญในปัญหาตามที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ 2.2.1 เสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาหรือเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณา พร้อมทั้งความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบให้คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
2.3.2 เรื่องสำคัญตามคำสั่งนี้ซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการหมายถึงเรื่องที่มีลักษณะตามข้อ 1.3.2 ข้างต้น
2.3.4 ให้นำข้อ 1.3.3 — ข้อ 1.3.6 ข้างต้น มาใช้บังคับด้วย
3. ให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้งเว้นแต่ไม่มีเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ
ในกรณีที่ประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ เป็นผู้นัดประชุมและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ แทน เว้นแต่ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคราวนั้นแทนรองประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ หากรองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมหลายคน ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายก- รัฐมนตรีผู้อยู่ในลำดับต้นของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 190/2549 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2549 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 254/2549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2549 เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน เป็นประธาน
4. เมื่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเป็นประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือพิจารณา แล้วแต่กรณี เว้นแต่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะเห็นควรดำเนินการเป็นประการอื่น ก็ให้ดำเนินการตามมตินั้น
5. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเข้าประชุมแทน และหากจำเป็นอาจพิจารณามอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ จะพิจารณาเป็นอย่างดี เป็นผู้เข้าประชุมแทนในกรณีที่ปลัดกระทรวง เลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรองปลัดกระทรวง รองเลขาธิการ หรือรองผู้อำนวยการเป็นผู้เข้าประชุมแทน
6. ในกรณีเห็นสมควร คณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ตามคำสั่งนี้จะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ หลายคณะร่วมกัน เพื่อพิจารณาปัญหาคาบเกี่ยวให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน และมีการประสานสอดคล้องกันก็ได้
7. เรื่องใดที่ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะใดเห็นว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ คณะอื่นที่ไม่ใช่คณะของตนให้ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะนั้นมีอำนาจสั่งการให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้พิจารณาได้
8. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอำนวยความสะดวกในการประชุมคณะกรรมการทุกคณะตามคำสั่งนี้ และมีอำนาจออกระเบียบหรือคำสั่งที่จำเป็นเพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
9. ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอาจขอให้นายกรัฐมนตรีหรือที่ประชุมร่วมรองนายกรัฐมนตรีวินิจฉัยหรือสั่งการตามที่เห็นสมควรได้
บทเฉพาะกาล
10.ในระยะเริ่มแรก ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับรองนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ทั้ง 2 คณะ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ระหว่างการจัดเข้าระเบียบวาระ ฯ ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ทั้งหมด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ด้วย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มกราคม 2550--จบ--