แท็ก
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
มหาวิทยาลัยบูรพา
กรมการปกครอง
โรงแรมคอนราด
ภัยธรรมชาติ
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ปี 2550 ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วย สถานการณ์ภัยธรรมชาติและผลกระทบด้านการเกษตร สถานการณ์น้ำ ผลการเพาะปลูกพืช และการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ภัยธรรมชาติและผลกระทบด้านการเกษตร
อุทกภัย (ช่วงเกิดภัยระหว่างวันที่ 5-10 สิงหาคม 2550)
ด้านพืช เกษตรกร 15,956 ราย พื้นที่ประสบภัย 2 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษ และอุบลราชธานี จำนวน 218,252 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 128,748 ไร่
ด้านประมง เกษตรกร 1,502 ราย พื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด คือ จังหวัดลำปาง น่าน เลย ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู และกระบี่ จำนวน 1,666 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 1,510 ไร่ 234 ตารางเมตร
ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 331 ราย พื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และกาฬสินธุ์ จำนวน 3,507 ตัว
ฝนทิ้งช่วง (ช่วงเกิดภัยระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน — 26 กรกฎาคม 2550)
ด้านพืช เกษตรกร 14,026 ราย พื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ แพร่ อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร และลพบุรี จำนวน 1.36 ล้านไร่ คาดว่าจะเสียหาย 1.32 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 1.18 ล้านไร่ พืชไร่-พืชสวน 0.14 ล้านไร่
2. สถานการณ์น้ำ
2.1 สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 46,919 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 69 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี 2549 (50,324 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,405 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 8,559 และ 5,764 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 64 และ 61 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 14,205 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ น้อยกว่า 30% ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 5 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ (17%) อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี (27%) อ่างเก็บน้ำจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ (46%) อ่างเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ (28%) และอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี (18%)
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 3 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี (84%) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง (82%) และอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี (82%)
2.2 สภาพน้ำท่า
ภาคเหนือ (ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน ) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร และแม่น้ำน่านที่อำเภอเมือง อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตรและอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ลุ่มน้ำชี โขง มูล) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำมูลที่อำเภอกัณทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ท่วม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก และอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำโขง ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคกลาง (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น ที่อำเภอวิเชียรบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคตะวันตก (ลุ่มน้ำแม่กลอง) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำแควน้อยที่อำเภอไทรโยค อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำแม่กลองที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก
ภาคตะวันออก (ลุ่มน้ำปราจีนบุรี บางปะกง) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต
ภาคใต้ (ลุ่มน้ำตาปี) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำตาปีที่อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และแม่น้ำปัตตานีที่อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลการเพาะปลูกพืชฤดูฝน ผลการเพาะปลูกข้าวและพืชฤดูฝนในเขตชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง 23.15 ล้านไร่ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2550 ปลูกแล้ว 10.11 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปี 9.96 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.15 ล้านไร่
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 214 เครื่อง แบ่งเป็น
เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 57 เครื่อง ในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ 40 เครื่อง พิษณุโลก 1 เครื่อง สุโขทัย 1 เครื่อง กรุงเทพฯ 1 เครื่อง นนทบุรี 10 เครื่อง ปทุมธานี 2 เครื่อง สมุทรสาคร 2 เครื่อง
เพื่อช่วยเหลือสภาวะฝนทิ้งช่วงในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 248 เครื่อง ในพื้นที่ 18จังหวัด คือ จังหวัดอุดรธานี 6 เครื่อง หนองบัวลำภู 6 เครื่อง หนองคาย 13 เครื่อง เลย 6 เครื่อง สกลนคร 8 เครื่อง ขอนแก่น 8 เครื่อง มหาสารคาม 1 เครื่อง ร้อยเอ็ด 53 เครื่อง กาฬสินธุ์ 38 เครื่อง ชัยภูมิ 7 เครื่อง ยโสธร 7 เครื่อง นครพนม 12 เครื่อง มุกดาหาร 8 เครื่อง อำนาจเจริญ 10 เครื่อง นครราชสีมา 48 เครื่อง บุรีรัมย์ 8 เครื่อง สุรินทร์ 3 เครื่อง และศรีสะเกษ 6 เครื่อง
2. การปฏิบัติการฝนหลวง
มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 9 หน่วยปฏิบัติการและ 4 ฐานเติมสารฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯ เชียงใหม่ หน่วยฯ พิษณุโลก หน่วยฯ ลพบุรี หน่วยฯ ขอนแก่น หน่วยฯ อุดรธานี หน่วยฯ นครราชสีมา หน่วยฯอุบลราชธานี หน่วยฯ สระแก้ว และหน่วยฯ หัวหิน และฐานเติมสารฝนหลวง จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี
ดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้
1. เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้มีปริมาณน้ำเก็บกักไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯก่อนสิ้น ฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง โดยจะเน้นอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักต่ำในช่วงต้นปี 2550 จำนวน 2 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง (ทับเสลา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 33%) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ลำนางรอง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 31%)
2. เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวง จำนวน 44 จังหวัด
ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 7-13 สิงหาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการ 139 เที่ยวบิน มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ถึงหนัก ถึงหนักมาก ในพื้นที่ 52 จังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--
1. สถานการณ์ภัยธรรมชาติและผลกระทบด้านการเกษตร
อุทกภัย (ช่วงเกิดภัยระหว่างวันที่ 5-10 สิงหาคม 2550)
ด้านพืช เกษตรกร 15,956 ราย พื้นที่ประสบภัย 2 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษ และอุบลราชธานี จำนวน 218,252 ไร่ คาดว่าจะเสียหาย 128,748 ไร่
ด้านประมง เกษตรกร 1,502 ราย พื้นที่ประสบภัย 6 จังหวัด คือ จังหวัดลำปาง น่าน เลย ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู และกระบี่ จำนวน 1,666 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 1,510 ไร่ 234 ตารางเมตร
ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 331 ราย พื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และกาฬสินธุ์ จำนวน 3,507 ตัว
ฝนทิ้งช่วง (ช่วงเกิดภัยระหว่างวันที่ 2 มิถุนายน — 26 กรกฎาคม 2550)
ด้านพืช เกษตรกร 14,026 ราย พื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ แพร่ อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร และลพบุรี จำนวน 1.36 ล้านไร่ คาดว่าจะเสียหาย 1.32 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 1.18 ล้านไร่ พืชไร่-พืชสวน 0.14 ล้านไร่
2. สถานการณ์น้ำ
2.1 สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 46,919 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 69 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด น้อยกว่าปี 2549 (50,324 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,405 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 8,559 และ 5,764 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 64 และ 61 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 14,205 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ น้อยกว่า 30% ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 5 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ (17%) อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี (27%) อ่างเก็บน้ำจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ (46%) อ่างเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ (28%) และอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี (18%)
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 3 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี (84%) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง (82%) และอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี (82%)
2.2 สภาพน้ำท่า
ภาคเหนือ (ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน ) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำยมที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร และแม่น้ำน่านที่อำเภอเมือง อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตรและอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ลุ่มน้ำชี โขง มูล) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำมูลที่อำเภอกัณทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ท่วม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก และอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำโขง ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคกลาง (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น ที่อำเภอวิเชียรบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ภาคตะวันตก (ลุ่มน้ำแม่กลอง) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำแควน้อยที่อำเภอไทรโยค อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำแม่กลองที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มาก
ภาคตะวันออก (ลุ่มน้ำปราจีนบุรี บางปะกง) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต
ภาคใต้ (ลุ่มน้ำตาปี) มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ น้อยถึงน้อยวิกฤต ยกเว้น แม่น้ำตาปีที่อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และแม่น้ำปัตตานีที่อำเภอเมือง จังหวัดยะลา มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลการเพาะปลูกพืชฤดูฝน ผลการเพาะปลูกข้าวและพืชฤดูฝนในเขตชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง 23.15 ล้านไร่ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2550 ปลูกแล้ว 10.11 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปี 9.96 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.15 ล้านไร่
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 214 เครื่อง แบ่งเป็น
เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 57 เครื่อง ในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ 40 เครื่อง พิษณุโลก 1 เครื่อง สุโขทัย 1 เครื่อง กรุงเทพฯ 1 เครื่อง นนทบุรี 10 เครื่อง ปทุมธานี 2 เครื่อง สมุทรสาคร 2 เครื่อง
เพื่อช่วยเหลือสภาวะฝนทิ้งช่วงในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 248 เครื่อง ในพื้นที่ 18จังหวัด คือ จังหวัดอุดรธานี 6 เครื่อง หนองบัวลำภู 6 เครื่อง หนองคาย 13 เครื่อง เลย 6 เครื่อง สกลนคร 8 เครื่อง ขอนแก่น 8 เครื่อง มหาสารคาม 1 เครื่อง ร้อยเอ็ด 53 เครื่อง กาฬสินธุ์ 38 เครื่อง ชัยภูมิ 7 เครื่อง ยโสธร 7 เครื่อง นครพนม 12 เครื่อง มุกดาหาร 8 เครื่อง อำนาจเจริญ 10 เครื่อง นครราชสีมา 48 เครื่อง บุรีรัมย์ 8 เครื่อง สุรินทร์ 3 เครื่อง และศรีสะเกษ 6 เครื่อง
2. การปฏิบัติการฝนหลวง
มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 9 หน่วยปฏิบัติการและ 4 ฐานเติมสารฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯ เชียงใหม่ หน่วยฯ พิษณุโลก หน่วยฯ ลพบุรี หน่วยฯ ขอนแก่น หน่วยฯ อุดรธานี หน่วยฯ นครราชสีมา หน่วยฯอุบลราชธานี หน่วยฯ สระแก้ว และหน่วยฯ หัวหิน และฐานเติมสารฝนหลวง จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี
ดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้
1. เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้มีปริมาณน้ำเก็บกักไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯก่อนสิ้น ฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง โดยจะเน้นอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักต่ำในช่วงต้นปี 2550 จำนวน 2 อ่าง ได้แก่ ภาคกลาง (ทับเสลา มีปริมาณน้ำเก็บกัก 33%) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ลำนางรอง มีปริมาณน้ำเก็บกัก 31%)
2. เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวง จำนวน 44 จังหวัด
ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 7-13 สิงหาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการ 139 เที่ยวบิน มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ถึงหนัก ถึงหนักมาก ในพื้นที่ 52 จังหวัด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--