คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้งปี 2550 ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง พื้นที่การเกษตรคาดว่า จะได้รับผลกระทบ และการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร ครั้งที่ 3 ดังนี้
สถานการณ์น้ำ
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 53,258 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (49,333 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,925 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 10,500 และ 7,069 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 78 และ 74 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่าง ฯ รวมกัน จำนวน 17,569 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ มีทั้งหมด 2 อ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และอ่างเก็บน้ำเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 36 และ 52 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30 และ 32 ของความจุอ่างฯตามลำดับ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวเพียงพอสำหรับในช่วงฤดูแล้งนี้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง สภาพน้ำท่าตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ถึง จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำวัง สภาพน้ำท่าบริเวณจังหวัดลำปาง และจังหวัดตาก อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่าตั้งแต่จังหวัดแพร่ถึงจังหวัดสุโขทัย อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำน่าน สภาพน้ำท่าตั้งแต่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงจังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำและปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง ไม่มีน้ำไหลผ่าน
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำ แม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
- แม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดนนทบุรีวัดได้ 0.081 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำท่าจีน ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม วัดได้ 0.149 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำแม่กลอง ที่ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี วัดได้ 0.060 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำนครนายก ตรวจวัดวันที่ 9 มีนาคม 2550 ที่ประตูระบายน้ำเสาวภาผ่องศรี จังหวัดนครนายก วัดได้ 0.500 กรัม/ลิตร
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550) ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 6 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 11.87 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 9.65 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 98 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 7.44 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.21 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.22 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 79 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.62 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.60 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก แพร่ ลำปาง อุทัยธานี พิจิตร อุตรดิตถ์หนองคาย หนองบัวลำภู นครราชสีมา และบุรีรัมย์ เกษตรกร 14,101 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 129,621 ไร่
พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 97,506 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 21,190 ไร่ พืชไร่ 67,070 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 9,246 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก และลำปาง จำนวน 20,812 ไร่ แบ่งเป็น พืชไร่ 20,738 ไร่ พืชสวน 74 ไร่ อยู่ระหว่างขอใช้เงินทดรองราชการจังหวัด
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด คือ จังหวัดปราจีนบุรี น่าน ลำพูนและหนองบัวลำภู เกษตรกร 5,638 ราย
สัตว์ได้รับผลกระทบ 82,744 ตัว แยกเป็น โค 26,837 ตัว กระบือ 7,467 ตัว สุกร 11,125 ตัว แพะ 47 ตัว และสัตว์ปีก 37,268 ตัว
ด้านประมง ยังไม่มีรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (31 อ่างฯ) ในช่วงฤดูแล้งปี 2549/2550 (1 พ.ย. 2549 ถึง 30 เม.ย. 2550) จำนวน 19,266 ล้านลูกบาศก์เมตร ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่แล้ว 12,468 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในเขตชลประทาน เกษตรกรได้ปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 1 แล้ว 7.41 ล้านไร่ (95% ของเป้าหมาย) เก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้ว 0.22 ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 แล้ว 0.03 ล้านไร่ สำหรับพืชไร่-พืชผัก ปลูกแล้ว 0.62 ล้านไร่ (72% ของเป้าหมาย) เก็บเกี่ยวพืชไร่-พืชผักแล้ว 0.03 ล้านไร่
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 744 เครื่อง ในพื้นที่ 55 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 697 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 47 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำไปช่วยเหลือแล้ว 3,226 เที่ยว คิดเป็นปริมาณน้ำ 19.36 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 6 หน่วย และ 2 ฐานเติมสารฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯเชียงใหม่ หน่วยฯพิษณุโลก หน่วยฯนครสวรรค์ หน่วยฯระยอง หน่วยฯหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยฯสุราษฎร์ธานี และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน ลพบุรี สระแก้ว ชลบุรี ตราด ยโสธร เพชรบุรี ราชบุรี หนองคาย พิจิตร สุราษฎร์ธานี กระบี่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย บุรีรัมย์ สตูล อุบลราชธานี และอุทัยธานี
- ผลการปฏิบัติการ ช่วงวันที่ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-8 มีนาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 128 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ตรัง กระบี่ และสตูล
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 128,150 กิโลกรัม แร่ธาตุ 126 ก้อน และดูแลสุขภาพสัตว์ 4,255 ตัว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 มีนาคม 2550--จบ--
สถานการณ์น้ำ
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 53,258 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (49,333 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,925 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 10,500 และ 7,069 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 78 และ 74 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่าง ฯ รวมกัน จำนวน 17,569 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ มีทั้งหมด 2 อ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และอ่างเก็บน้ำเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 36 และ 52 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 30 และ 32 ของความจุอ่างฯตามลำดับ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวเพียงพอสำหรับในช่วงฤดูแล้งนี้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง สภาพน้ำท่าตั้งแต่ท้ายเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ถึง จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำวัง สภาพน้ำท่าบริเวณจังหวัดลำปาง และจังหวัดตาก อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่าตั้งแต่จังหวัดแพร่ถึงจังหวัดสุโขทัย อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำน่าน สภาพน้ำท่าตั้งแต่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงจังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำและปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง ไม่มีน้ำไหลผ่าน
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำ แม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 3 มีนาคม 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
- แม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดนนทบุรีวัดได้ 0.081 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำท่าจีน ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม วัดได้ 0.149 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำแม่กลอง ที่ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี วัดได้ 0.060 กรัม/ลิตร
- แม่น้ำนครนายก ตรวจวัดวันที่ 9 มีนาคม 2550 ที่ประตูระบายน้ำเสาวภาผ่องศรี จังหวัดนครนายก วัดได้ 0.500 กรัม/ลิตร
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550) ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 6 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 11.87 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 9.65 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 98 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 7.44 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.21 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.22 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 79 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.62 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.60 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก แพร่ ลำปาง อุทัยธานี พิจิตร อุตรดิตถ์หนองคาย หนองบัวลำภู นครราชสีมา และบุรีรัมย์ เกษตรกร 14,101 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 129,621 ไร่
พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 97,506 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 21,190 ไร่ พืชไร่ 67,070 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 9,246 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก และลำปาง จำนวน 20,812 ไร่ แบ่งเป็น พืชไร่ 20,738 ไร่ พืชสวน 74 ไร่ อยู่ระหว่างขอใช้เงินทดรองราชการจังหวัด
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด คือ จังหวัดปราจีนบุรี น่าน ลำพูนและหนองบัวลำภู เกษตรกร 5,638 ราย
สัตว์ได้รับผลกระทบ 82,744 ตัว แยกเป็น โค 26,837 ตัว กระบือ 7,467 ตัว สุกร 11,125 ตัว แพะ 47 ตัว และสัตว์ปีก 37,268 ตัว
ด้านประมง ยังไม่มีรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง กำหนดแผนการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (31 อ่างฯ) ในช่วงฤดูแล้งปี 2549/2550 (1 พ.ย. 2549 ถึง 30 เม.ย. 2550) จำนวน 19,266 ล้านลูกบาศก์เมตร ณ วันที่ 9 มีนาคม 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่แล้ว 12,468 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในเขตชลประทาน เกษตรกรได้ปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 1 แล้ว 7.41 ล้านไร่ (95% ของเป้าหมาย) เก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้ว 0.22 ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 แล้ว 0.03 ล้านไร่ สำหรับพืชไร่-พืชผัก ปลูกแล้ว 0.62 ล้านไร่ (72% ของเป้าหมาย) เก็บเกี่ยวพืชไร่-พืชผักแล้ว 0.03 ล้านไร่
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 744 เครื่อง ในพื้นที่ 55 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 697 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 47 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำไปช่วยเหลือแล้ว 3,226 เที่ยว คิดเป็นปริมาณน้ำ 19.36 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 6 หน่วย และ 2 ฐานเติมสารฝนหลวง ได้แก่ หน่วยฯเชียงใหม่ หน่วยฯพิษณุโลก หน่วยฯนครสวรรค์ หน่วยฯระยอง หน่วยฯหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยฯสุราษฎร์ธานี และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน ลพบุรี สระแก้ว ชลบุรี ตราด ยโสธร เพชรบุรี ราชบุรี หนองคาย พิจิตร สุราษฎร์ธานี กระบี่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย บุรีรัมย์ สตูล อุบลราชธานี และอุทัยธานี
- ผลการปฏิบัติการ ช่วงวันที่ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-8 มีนาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 128 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต ตรัง กระบี่ และสตูล
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 128,150 กิโลกรัม แร่ธาตุ 126 ก้อน และดูแลสุขภาพสัตว์ 4,255 ตัว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 มีนาคม 2550--จบ--