คณะรัฐมนตรีรับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติ การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้
1. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามนัยข้อ 1.2
2. เห็นชอบแนวทางการพิจารณาโครงการที่จะใช้วงเงินเหลือจ่ายจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามนัยข้อ 1.3
3. อนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 4,907.49 ล้านบาท ตามนัยข้อ 1.4
4. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการสำหรับการขอยกเลิกโครงการที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้นำวงเงินโครงการที่ยกเลิกดังกล่าวมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายและ ให้หน่วยงานดังกล่าวเสนอโครงการใหม่ตามขั้นตอนการพิจารณาวงเงินเหลือจ่าย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ตามนัยข้อ 1.5
5. เห็นชอบการกำหนดกรอบระยะเวลาการเสนอโครงการเพิ่มเติม เพื่อขอใช้วงเงินเหลือจ่ายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเสนอโครงการพร้อมวงเงินต่อคณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และสำหรับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จากคณะรัฐมนตรีหรือได้รับการจัดสรรวงเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้หรือมีความประสงค์จะขอยกเลิกโครงการ เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดังกล่าวดำเนินการแจ้งคณะกรรมการฯ เพื่อขอยกเลิก โครงการและคืนวงเงินรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 ด้วย ตามนัยข้อ 1.6
6. อนุมัติการขยายเวลาขอรับการจัดสรรเงินกู้ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ที่ยังไม่อาจขอรับการจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณวงเงิน 1,543,324,500 ล้านบาท เป็นภายใน 30 กันยายน 2553 และเนื่องจากเป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์จึงเห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2554 หากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไม่สามารถขอรับจัดสรรได้ ภายใน 30 กันยายน 2553 เห็นควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป ตามนัยข้อ 2.1
7. อนุมัติการขยายเวลาการลงนามในสัญญาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โครงการในสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ได้รับการจัดสรรวงเงินจากสำนักงบประมาณ 705 ล้านบาท เป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และขยายเวลาดำเนินโครงการเป็นภายใน 1 ปี นับจากวันลงนามในสัญญาหากหน่วยงานไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายใน 30 กันยายน 2553 เห็นควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินสำรองจ่ายต่อไป ตามนัยข้อ 2.2
8. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้หน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ ตามนัยข้อ 3
9. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เงินบำรุงสมทบสำหรับรายการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าวงเงินที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดและ ความเหมาะสมของวงเงินประกอบการขอรับจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ต่อไป ตามนัยข้อ 4
สาระสำคัญ
กระทรวงการคลังรายงานว่า คณะกรรมการฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้
1. การจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 เห็นชอบร่างแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมให้สามารถนำเงินเหลือจ่ายมาจัดสรรใหม่โดยไม่ต้องส่งคืนคลัง และให้สามารถจัดสรรเงินคงเหลือและเงินเหลือจ่ายให้แก่กระทรวงหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมิใช่เจ้าของโครงการเดิมได้
คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ได้ตรวจพิจารณาและแก้ไขร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องการใช้วงเงินเหลือจ่ายเรียบร้อยแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเกี่ยวกับการจัดสรร วงเงินเหลือจ่ายภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ดังนี้
1.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553
- ข้อ 19 “กรณีโครงการตามข้อ 17 (2) หากหน่วยงานเจ้าของโครงการประสงค์จะขอโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคำขอดังกล่าวพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อสำนักงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา และเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการข้ามกระทรวงหรือข้ามหน่วยงานเจ้าของโครงการจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นกรณีการจัดสรรเงินเหลือจ่ายตามข้อ 27 และข้อ 27/1”
- ข้อ 27 “ในกรณีที่มีวงเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อ 17 (2) ให้คณะกรรมการรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ หากคณะรัฐมนตรีเห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเหลือจ่ายดังกล่าว และหน่วยงานเจ้าของโครงการใดประสงค์จะเสนอโครงการเพิ่มเติม ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนั้นโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเสนอโครงการพร้อมวงเงินต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรอง และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ
เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการตามวรรคหนึ่ง ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะแจ้งให้หน่วยงานเจ้าของโครงการทราบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป”
- ข้อ 27/1 “ในกรณีหน่วยงานเจ้าของโครงการตามข้อ 17 (2) ได้รับการจัดสรรเงินกู้และทำสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หากมีวงเงินเหลือจ่ายและหน่วยงานเจ้าของโครงการมีความประสงค์จะขอใช้เงินเพื่อชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้เสนอขออนุมัติใช้เงินดังกล่าวกับสำนักงบประมาณ และเมื่อสำนักงบประมาณอนุมัติแล้ว ให้เบิกจ่ายเงินกู้เพื่อเป็นค่าชดเชยค่างานก่อสร้างได้
ในกรณีที่มีวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หรือเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไม่ว่าในกรณีใด ให้คณะกรรมการรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ หากคณะรัฐมนตรียังเห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเหลือจ่ายดังกล่าว ให้นำความในข้อ 27 มาใช้บังคับ”
1.2 วงเงินเหลือจ่ายจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ข้อ 27 และข้อ 27/1 กำหนดให้คณะกรรมการฯ รายงานวงเงินเหลือให้คณะรัฐมนตรีทราบ โดยคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วมีวงเงินเหลือจ่ายประกอบด้วย
กรณีที่ 1 วงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรให้แก่โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อ 27 เป็นวงเงินเหลือจ่ายจากวงเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลังจากที่สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้แล้ว สำนักงบประมาณแจ้งว่า ในเบื้องต้นมีวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 10,983.70 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553)
กรณีที่ 2 วงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินงานตามข้อ 27/1 เป็นวงเงินเหลือจ่ายจากวงเงินกู้ที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณและหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน และขอใช้เพื่อชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) แล้ว โดยขณะนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลวงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินงานสำหรับโครงการที่ได้มีการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถรายงานข้อมูลเบื้องต้นได้ ภายในเดือนสิงหาคม 2553
กรณีที่ 3 วงเงินเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไม่ว่าในกรณีใดตามข้อ 27/1 ซึ่งได้แก่วงเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วแต่หน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้หรือหน่วยงานขอยกเลิกโครงการ
1.3 แนวทางการพิจารณาโครงการที่จะใช้วงเงินเหลือจ่ายจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552
คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการตามแนวทางการพิจารณาโครงการที่จะใช้วงเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ดังนี้
1) เป็นโครงการสอดคล้องวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และสอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาลโดยอยู่ภายใต้กรอบวงเงินคงเหลือของแต่ละสาขา
2) ให้ความสำคัญกับโครงการที่สนับสนุนการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเป็นโครงการที่มีความพร้อม และมีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถดำเนินการได้ทันที โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการทำหนังสือยืนยันความพร้อม และรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเห็นชอบ
3) สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ข้อกำหนดการใช้จ่ายเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ดังนี้
- ไม่เป็นโครงการที่ใช้เพื่อจัดหา จัดซื้อ รถยนต์ประจำตำแหน่งและรถยนต์รับรองในทุกกรณี สำหรับรถยนต์ส่วนกลางให้จัดซื้อได้เฉพาะที่ใช้ในการบริการประชาชนหรือใช้ในหน้าที่เฉพาะในภารกิจของงานตามความจำเป็น
- ไม่เป็นการใช้เงินเพื่อเป็นเงินรางวัลหรือเงินค่าตอบแทนพิเศษบุคลากรภาครัฐ และข้าราชการท้องถิ่น ในลักษณะเดียวกันกับการให้เงินรางวัลแก่ข้าราชการ
- ไม่เป็นโครงการที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อประชุม สัมมนา หรือศึกษาดูงาน ยกเว้นการเดินทางไปต่างประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับทุนการศึกษาตามวัตถุประสงค์ของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ได้รับอนุมัติแล้ว และต้องเป็นโครงการที่หน่วยงานมีภารกิจหลักและอำนาจหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานซึ่งมีความจำเป็นและมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับภารกิจงานที่รับผิดชอบโดยตรง เกิดประโยชน์คุ้มค่าอย่างยิ่ง หากไม่ดำเนินการจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ราชการ โดยในกรณีที่ได้รับยกเว้นให้เดินทางไปราชการต่างประเทศได้ ต้องกำหนดจำนวนคน ระยะเวลาให้เหมาะสมตามความจำเป็น โดยให้อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีประจำกระทรวงนั้น เป็นผู้อนุมัติการเดินทางเป็นกรณีๆ ไป
4) ควรเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2554
1.4 การจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่25 พฤษภาคม 2553
ในการดำเนินการเพื่อให้การกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาโครงการที่มีความพร้อมและมีคำขอครบถ้วนสอดคล้องกับวงเงินเหลือจ่ายของแต่ละสาขา และสอดคล้องกับแนวทางการพิจารณาโครงการที่จะใช้วงเงินเหลือจ่ายจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จึงเห็นควรเสนอให้คณะรัฐมนตรียืนยันการอนุมัติ โครงการที่จะจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายภายใต้ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 4,907.49 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ตามหนังสือที่อ้างถึง 7 โดยให้จัดสรรจากวงเงินเหลือจ่ายตามข้อ 27 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ซึ่งมีกรอบวงเงินชัดเจนแล้ว ดังนี้
โครงการ หน่วยงาน / กระทรวง วงเงินเหลือ วงเงินเหลือ วงเงินเหลือ จ่าย จ่ายที่จัดสรร จ่ายคงเหลือ (ข้อ 27) (2) (1)-(2)=(3) (1) 1 สาขาทรัพยากรน้ำและการเกษตร 3,218.30 2,630.54 587.76 1.1 ประตูระบายน้ำบางยาง กรมชลประทาน 100 ก. เกษตรและสหกรณ์ 1.2 โครงการน้ำภาคตะวันออก ภาคกลาง และ 2,520.44 ภาคใต้ กรมประมง 1.3 ก่อสร้างอาคารปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์ที่ 10.1 ทันสมัย ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2 สาขาขนส่ง 480.5 472 8.5 2.1 ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4169 ตอนทาง 450 รอบเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมทางหลวง 2.2 ขยายไหล่ทางพร้อมปรับปรุงถนนเชิงลาดคอ ก. คมนาคม 22 สะพาน ถนนสาย สค 4011 แยกทางหลวง หมายเลข 3097 - บ้านกระทุ่มแบน อำเภอ บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร 3 สาขาพลังงาน 174.3 - 174.3 4 สาขาการสื่อสาร - - - 5 สาขาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว 238.2 - 238.2 6 สาขาพัฒนาด้านสาธารณสุข พัฒนา 160 - 160 โครงสร้างพื้นฐาน 7 สาขาสวัสดิภาพของประชาชน 922.2 920.95 1.25 7.1 ซ่อมแซมเรือนแถวชั้นประทวน กองทัพบก / ก. กลาโหม 900 7.2 รถควบคุมและสั่งการ และรถนำขบวน สำนักงานปลัด 8.8 ก. กลาโหม 7.3 โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรกระบี่ กรมศุลกากร 12.15 ก. การคลัง 8 สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4.1 4 0.1 8.1 ผลิตรถบรรทุกเอนกประสงค์เพื่อการเกษตร สำนักงานพัฒนา 4 วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี แห่งชาติ ก. วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 9 สาขาสิ่งแวดล้อม - - - 10 สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว 41.5 40 1.5 10.1 โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้น สำนักงานปลัด 40 เศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่โครงการหลวง ก. เกษตรและสหกรณ์ 11 สาขาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ 11.8 - 11.8 12 สาขาการศึกษา 669.8 - 669.8 13 สาขาพัฒนาด้านสาธารณสุข พัฒนา 25.9 - 25.9 บุคลากร 14 สาขาการลงทุนในระดับชุมชน 5,037.10 840 4,197.10 14.1 โครงการจัดการน้ำอำเภอเกาะสมุยแบบ กรมส่งเสริมการปกครอง 840 บูรณาการและยั่งยืน ท้องถิ่น ก.มหาดไทย รวม 10,983.70 4,907.49 6,076.21
1.5 การขอยกเลิกการดำเนินโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552
คณะกรรมการฯ ขอเรียนว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (สำนักงานปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา) และกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ขอยกเลิกการดำเนินโครงการ ที่ได้รับอนุมัติ การจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 แล้วแต่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ โดยขอนำวงเงินจากโครงการที่ขอยกเลิกไปดำเนินโครงการใหม่ ดังนี้
โครงการเดิมที่ขอยกเลิก โครงการที่เสนอใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวให้ โครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้การท่องเที่ยว เกิดความยั่งยืน (จัดทำป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยว ในกลุ่มนักเรียน เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และ จำนวน 3,015 ป้าย) วงเงิน: 262,123,000 บาท ผู้ด้อยโอกาส วงเงิน: 262,123,000 บาท สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ สาขาการศึกษา 1. โครงการยกระดับคุณภาพอาชีวศึกษาสู่ความทันสมัย โครงการพัฒนาการเรียนรู้แบบบูรณาการองค์ (Modernized Vocational) วงเงิน 681.384 ล้านบาท ความรู้วิชาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร วงเงิน 1,331.902 ล้านบาท 2. โครงการปัจจัยสนับสนุนด้านการศึกษา (แผนงานการ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเข้าถึงบริการองค์ความรู้ ทั้งระบบและเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอาชีพที่ทันสมัย) วงเงิน 660.180 ล้านบาท
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการขอยกเลิกเป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จากคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงถือเป็นวงเงินเหลือจ่ายตามข้อ 27/1 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 โดยเห็นควรนำโครงการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการเสนอใหม่มาพิจารณาตามขั้นตอนการพิจารณาวงเงินเหลือจ่ายของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ต่อไป
1.6 กรอบระยะเวลาในการเสนอโครงการเพิ่มเติมเพื่อขอใช้วงเงินเหลือจ่ายตามระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ.2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีกรอบระยะเวลาการดำเนินการที่ชัดเจน จึงเห็นควรกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ประสงค์จะเสนอโครงการเพิ่มเติม เสนอโครงการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2553
นอกจากนี้สำหรับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จากคณะรัฐมนตรีหรือได้รับการจัดสรรเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้หรือมีความประสงค์จะขอยกเลิกโครงการคณะกรรมการฯ เห็นควรกำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดังกล่าวดำเนินการแจ้งคณะกรรมการฯ เพื่อขอยกเลิกโครงการและคืนวงเงินรวมเป็นวงเงินเหลือจ่าย ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 ด้วย
2. การขอขยายเวลาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555
2.1 การขอขยายเวลาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 เห็นชอบให้ขยายเวลาในการดำเนินการจัดทำคุณลักษณะครุภัณฑ์เฉพาะการจัดซื้อและการขอรับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาในส่วนของรายการที่มีความพร้อมในการขอรับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และในส่วนของรายการที่ยังไม่อาจขอรับการจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณได้ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) นำเอกสารขอรับการจัดสรรเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่งเป็นกรณีเร่งด่วน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นควรขยายเวลาขอรับการจัดสรรเงินกู้ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่ยังไม่อาจขอรับการจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณได้วงเงิน 1,543,324,500 ล้านบาท เป็นภายใน 30 กันยายน 2553 และเนื่องจากเป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์จึงเห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2554 หากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาไม่สามารถขอรับจัดสรรได้ภายใน 30 กันยายน 2553 เห็นควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป
2.2 การขอขยายเวลาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 อนุมัติจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ในส่วนของเงินสำรองจ่ายให้โครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 745 ล้านบาท โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการจัดสรรวงเงินจากสำนักงบประมาณ 705 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2553
กรมทรัพย์สินทางปัญญาแจ้งว่า ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ทันภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ตามที่กำหนดในกรณีที่ 2 ของมาตรการเร่งรัดการดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 รายละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง 10 เนื่องจากต้องปรับเอกสารการประกวดราคาให้สอดคล้องกับวงเงินที่ได้รับจัดสรร ประกอบกับคณะกรรมการที่หน่วยงานได้แต่งตั้งกำลังสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นกรณีมีโครงการที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดจ้างด้วยวิธี E-Auction จึงขอให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาขยายเวลาการลงนามในสัญญาเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และขยายเวลาดำเนินโครงการเป็นภายใน 1 ปี นับจากวันลงนามในสัญญา
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นควรอนุมัติการขยายเวลาดังกล่าว หากหน่วยงานไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายใน 30 กันยายน 2553 ให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินสำรองจ่ายต่อไป
3. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
3.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553
- หมวด 4 ข้อ 19 “...หากหน่วยงานเจ้าของโครงการประสงค์จะขอโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคำขอดังกล่าวพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อสำนักงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา และเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี
การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการข้ามกระทรวงหรือข้ามหน่วยงานเจ้าของโครงการจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นกรณีการจัดสรรเงินเหลือจ่ายตามข้อ 27 และข้อ 27/1”
3.2 การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 และวันที่ 20 ตุลาคม 2552 อนุมัติการจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 349,960.4382 ล้านบาท คณะกรรมการฯ รายงานว่า มีหน่วยงานดำเนินโครงการแจ้งขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ สรุปสาระสำคัญของคำขอได้ ดังนี้
1) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด : จังหวัดราชบุรี จังหวัดชุมพร จังหวัดจันทบุรี จังหวัดลำพูน จังหวัดพังงา จังหวัดระยอง จังหวัดแพร่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 และจังหวัดเพชรบุรี
- ขอเปลี่ยนแปลงประเภทงบรายจ่ายให้ถูกต้องตามการจำแนกประเภทรายจ่าย
- ขอปรับปรุงรายละเอียดของรายการให้ตรงตามข้อเท็จจริง
- ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินการเนื่องจากพื้นที่เดิมได้ดำเนินการไปแล้ว
- ขอเปลี่ยนแปลงรายการให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้
- ขอแก้ไขความคลาดเคลื่อนในการจัดสรรเงิน
- ขอเปลี่ยนแปลงรายการค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่
- ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการให้สอดคล้องกับลักษณะการดำเนินงานในพื้นที่จริง
- ขอเปลี่ยนแปลงปริมาณงานให้สอดคล้องกับลักษณะการดำเนินงานในพื้นที่จริง
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดข้างต้นเป็นการแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน โดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้
2) กระทรวงมหาดไทย : กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
- ขอเปลี่ยนแปลงรายการดำเนินงานและพื้นที่เป้าหมายให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความจำเป็น และความต้องการของพื้นที่
3) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- ขอเปลี่ยนแปลงปริมาณการก่อสร้างให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายจริง
4) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : กรมชลประทาน
- ขอเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างให้สอดคล้องกับลักษณะความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
5) กระทรวงสาธารณสุข : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยเนื่องจากการพิมพ์คลาดเคลื่อน
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการข้างต้น เป็นการแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือปรับกิจกรรมงบประมาณแผนการดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน โดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้
4. การเปลี่ยนแปลงวงเงินเพิ่มเติมจากกรอบที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติของกระทรวงสาธารณสุข
4.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553
- ข้อ 4 “บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือคำสั่งใดในส่วนที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
การปฏิบัตินอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการตีความตามระเบียบนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา”
4.2 การพิจารณาวงเงินเพิ่มเติมโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้เงินบำรุงสมทบ
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 อนุมัติและเห็นชอบผลการทบทวนโครงการ รายละเอียด และความเหมาะสมของโครงลงทุนของกระทรวงสาธารณสุข เป็นวงเงิน 11,508.6678 ล้านบาท ประกอบด้วย 3 ประเภท ได้แก่ (1) เห็นชอบผลการทบทวนโครงการลงทุนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง วงเงิน 178.6200 ล้านบาท (2) อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ วงเงิน 9,845.9073 ล้านบาท และ (3) อนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการที่จะใช้วงเงินเหลือจากการทบทวน วงเงิน 1,484.1405 ล้านบาท โดยขยายระยะเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอรับจัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553
กระทรวงสาธารณสุขได้ขออนุมัติวงเงินเพิ่มเติมโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติและเห็นชอบผลการทบทวนโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขและเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 โดยใช้เงินบำรุงสมทบ วงเงิน 116.60 ล้านบาท (1,237.71 ล้านบาท -1,121.11 ล้านบาท) โดยเป็นวงเงินรายการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าวงเงินที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติ กระทรวงสาธารณสุขจะขอใช้จากเงินบำรุงสมทบตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การจ่ายเงินบำรุงเพื่อการปฏิบัติราชการของหน่วยบริการอื่น พ.ศ. 2544 และระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเงินบำรุงของ หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2536 ซึ่งตามข้อ 4 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 “... การปฏิบัตินอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ หรือในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการตีความตามระเบียบนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณา”
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า รายการก่อสร้างจำนวน 60 รายการที่มีวงเงินจัดซื้อจัดจ้างสูงกว่าวงเงินที่ได้รับจัดสรรไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้เนื่องจากวงเงินที่ได้รับจัดสรรต่ำกว่าราคากลางในท้องถิ่นที่เป็นไปตามราคาพาณิชย์จังหวัด จึงจะใช้เงินบำรุงสมทบชดเชยในส่วนที่ขาด ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เงินบำรุงสมทบสำหรับรายการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงกว่าวงเงินที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดและความเหมาะสมของวงเงินประกอบการขอรับจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 สิงหาคม 2553--จบ--