สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 25

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 11, 2010 15:55 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 25 ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้

สถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

สถานการณ์อุทกภัย จำนวน 1 จังหวัด

จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 5-6 สิงหาคม 2553 เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและ น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่จัน เทิง ขุนตาล แม่ฟ้าหลวง เชียงแสน เข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2553

สถานการณ์น้ำ

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (9 สิงหาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 34,494 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน (33,519 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 975 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำใช้การได้ 10,653 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (46,616 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 63) จำนวน 12,122 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 39,061 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (9 สิงหาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 32,738 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน(31,902 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 836 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำใช้การได้ 9,215 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (44,379 ล้าน ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64) จำนวน 11,642 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 36,857 ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย และป่าสักฯ

                                                                  หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ       ม.ค.    ก.พ.   มี.ค.   เม.ย.    พ.ค.    มิ.ย.    ก.ค.   1-9 ส.ค.      รวม
ภูมิพล          52.09    1.74   4.95       0    15.6   34.06   146.2    135.35    389.99
สิริกิติ์         136.62   97.73  85.93   69.12  114.18  150.64  622.74    447.49  1,724.45
ภูมิพล+สิริกิติ์    188.71   99.47  90.88   69.12  129.78   184.7  768.94    582.84  2,114.44
แควน้อยฯ       42.49   25.69  31.19   14.35   19.65   33.36   75.36     34.53    276.62
ป่าสักชลสิทธิ์     41.06    5.51     19   10.18   17.44   27.91    5.72     25.92    152.74
รวม 4 อ่างฯ   272.26  130.67 141.07   93.65  166.87  245.97  850.02    643.29  2,543.80

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์

                                                                              หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ        ปริมาตรน้ำ        ปริมาตรน้ำ     ปริมาตรน้ำ           ปริมาณน้ำ         ปริมาณน้ำ    ปริมาณน้ำ
                ในอ่างปี52       ในอ่างปี 53     ใช้การได้           ไหลลงอ่าง          ระบาย      รับได้อีก
            ปริมาตรน้ำ   %    ปริมาตรน้ำ   %   ปริมาตรน้ำ    %      วันนี้  เมื่อวาน      วันนี้ เมื่อวาน
ภูมิพล           6,142  46       4,104  30        304    2    20.99   20.92      3.1      3    9,358
สิริกิติ์           5,073  53       3,954  42      1,104   12    93.35   98.15     6.69      7    5,556
ภูมิพล+สิริกิติ์     11,215  49       8,058  35      1,408    6   114.34  119.07     9.79     10   14,914
แควน้อยฯ          167  22         209  27        173   22     5.74    5.24     0.43   0.43      560
ป่าสักชลสิทธิ์        289  30          91   9         88    9     5.48    4.19     0.28   0.28      869

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 13 อ่าง ได้แก่ แม่กวง (11) กิ่วคอหมา(23) แควน้อย(27) ห้วยหลวง(29) น้ำอูน(26) ลำปาว(24) ลำตะคอง(29) มูลบน(25) ป่าสักฯ(9) ทับเสลา(21) ขุนด่านฯ (28) แก่งกระจาน(28) และปราณบุรี(26)

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภาคตะวันออก

จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำ 7 อ่าง รวมปริมาณน้ำ 72.0 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 5.2 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 7) ปริมาณน้ำใช้การได้ 57 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯ

จังหวัดระยอง มีอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง รวมปริมาณน้ำ 364.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น ร้อยละ 70 ของความจุอ่างฯ (มากกว่าปี 2552 จำนวน 27.2 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8) ปริมาณน้ำใช้การได้ 336 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุอ่างฯ

2. สภาพน้ำท่า

ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้นบริเวณสถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้น บริเวณสถานี N.1 หน้าสำนักงานป่าไม้ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูล ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย

3. คุณภาพน้ำ

กรมชลประทาน ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ดังนี้

แม่น้ำ         จุดเฝ้าระวัง                                    ข้อมูล           ค่า Sal (g/l)        เกณฑ์
                                                           วันที่        ค่าสูงสุด        เวลา
เจ้าพระยา     ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี                          9 ส.ค. 53          0.22    09.43 น.     ปกติ
             ปากเกร็ด* จังหวัดนนทบุรี                     9 ส.ค. 53          0.21    06.40 น.     ปกติ
             ปากคลองสำแล * จังหวัดปทุมธานี               9 ส.ค. 53          0.12    01.00 น.     ปกติ
ท่าจีน         ที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม          9 ส.ค. 53          0.14    08.50 น.     ปกติ
แม่กลอง       ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี            8 ส.ค. 53          0.10    23.00 น.     ปกติ

หมายเหตุ ค่ามาตรฐานความเค็มที่ปากคลองสำแลไม่เกิน 0.20 กรัม/ลิตร

การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

1. แจ้งเตือนผ่านศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัด ให้เกษตรกรเตรียมการรับสถานการณ์ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในช่วงวันที่ 6-8 สิงหาคม 2553 บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย และนครพนม และเนื่องจากบางพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องซึ่งดินได้อุ้มน้ำไว้เต็มที่แล้ว หากมีฝนตกลงมาอีก อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มได้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ได้สั่งการให้ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัด เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย ดำเนินการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และหากเกิดสถานการณ์อุทกภัยให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรของแต่ละจังหวัด กรณีเกิดความเสียหายให้เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบทันที

2. แจ้งเตือนพร้อมให้คำแนะนำวิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูข้าว ได้แก่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หนอนห่อใบข้าว แมลงบั่ว โรคเมล็ดด่าง โรคไหม้ หอยเชอรี่ และหนู

3. สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรได้ปรับแผนปฏิบัติการการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ปัจจุบันมีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 ศูนย์ ประกอบด้วย หน่วยปฏิบัติการ จำนวน 11 หน่วย และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 6 ฐาน โดยเน้นปฏิบัติการให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำต่างๆ ดังนี้

3.1 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 4 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก แพร่ และพิษณุโลก

3.2 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคกลาง มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดลพบุรี และกาญจนบุรี ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดนครสวรรค์

3.3 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดขอนแก่น และอุบลราชธานี ฐานเติมสารฯ จำนวน 3 ฐาน คือ จังหวัดบุรีรัมย์ นครพนม นครราชสีมา

3.4 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออก มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 1 หน่วย คือ หน่วยฯ จังหวัดสระแก้ว ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดระยอง

3.5 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคใต้ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย คือ หน่วยฯ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 30 กรกฎาคม — 5 สิงหาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 194 เที่ยวบิน มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตก 60 จังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 150.0 มิลลิเมตร ที่อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวม 817.74 ล้าน ลบ.ม.

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงสะสม ช่วงวันที่ 25 มกราคม — 5 สิงหาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการรวม 160 วัน จำนวน 4,862 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในปฏิบัติการ รวม 149 วัน จำนวน 681 สถานี วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดได้ 250.0 มิลลิเมตร จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 63 จังหวัด จากจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายทั้งหมด 70 จังหวัด

ผลกระทบด้านการเกษตร ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2553

อุทกภัย ช่วงภัยวันที่ 5 มิถุนายน.-19 กรกฎาคม.2553

ด้านพืช พื้นที่ประสบภัย 8 จังหวัด 23 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน ลำปาง เชียงราย กาญจนบุรี นครปฐม ระยอง ตรัง และสตูล เกษตรกร 14,732 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 67,004 ไร่ แบ่งเป็นข้าว 16,807 ไร่ พืชไร่ 43,791 ไร่ และพืชสวน 6,472 ไร่ (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง เกษตรกร 1,171 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 5,227 ไร่)

ด้านประมง พื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด 6 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน ลำปาง และเลย เกษตรกร 1,002 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 1,008 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 549 ไร่ 108 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 2,286 ตารางเมตร (ไม่มีรายงานเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน)

ด้านปศุสัตว์ พื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด 12 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน พะเยา ลำปาง เชียงราย และแม่ฮ่องสอน เกษตรกร 822 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 25,958 ตัว แยกเป็น โค-กระบือ 34 ตัว สุกร 2 ตัว สัตว์ปีก 25,922 ตัว (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 3 จังหวัด คือ ลำปาง เชียงราย แม่ฮ่องสอน เกษตรกร 441 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 10,017 ตัว)

การดำเนินการ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

ฝนทิ้งช่วง ช่วงภัยวันที่ 17 พฤษภาคม — 13 กรกฎาคม 2553

ด้านพืช พื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด 17 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน พิจิตร แพร่ และอำนาจเจริญ ชุมพร เกษตรกร 43,499 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 223,685 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 164,309 ไร่ พืชไร่ 55,436 ไร่ และพืชสวน 3,940 ไร่ (ไม่มีรายงานเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน)

การดำเนินการ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

ภัยแล้ง ช่วงภัยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 พฤษภาคม 2553

ด้านพืช พื้นที่การเกษตรเสียหาย 45 จังหวัด เกษตรกร 212,199 ราย พื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 1,528,614 ไร่ (ไม่มีรายงานเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน) แบ่งเป็น ข้าว 96,498 ไร่ พืชไร่ 1,269,002 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 163,114 ไร่ คิดเป็น วงเงินช่วยเหลือ 1,251.1333 ล้านบาท

การดำเนินการ

  • ช่วยเหลือแล้วด้วยงบจังหวัดและงบกลาง วงเงิน 63.1648 ล้านบาท
  • อยู่ระหว่างขอสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง (คปอล.) จำนวน 18 จังหวัด วงเงิน 374.9301 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2 จังหวัด วงเงิน 43.5703 ล้านบาท)
  • อยู่ระหว่างรอเอกสารของบกลางของจังหวัด วงเงิน 813.0384 ล้านบาท

ด้านปศุสัตว์ พื้นที่เสียหาย 1 จังหวัด คือจังหวัดตาก เกษตรกร 98 ราย แปลงหญ้าเสียหาย 1,392 ไร่ วงเงิน 306,240 บาท อยู่ระหว่างขอสนับสนุนงบประมาณจาก คปอล.

ด้านประมง พื้นที่เสียหาย 1 จังหวัด คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกษตรกร 5 ราย พื้นที่ 9 ไร่ วงเงิน 30,654 บาท อยู่ระหว่างขอสนับสนุนงบประมาณจาก คปอล.

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ