คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2553) ของกระทรวงมหาดไทย ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการให้ความช่วยเหลือ
1.1 พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 3-9 สิงหาคม 2553) ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และจังหวัดลพบุรี รวม 127 อำเภอ 973 ตำบล 9,699 หมู่บ้าน แยกเป็น
ข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ปี 2553 (ข้อมูล ณ วันที่ 3-9 สิงหาคม 2553)
ที่ พื้นที่ประสบภัย ราษฎรประสบภัย ภาค จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน รายชื่อจังหวัด คน ครัวเรือน 1 เหนือ 12 56 385 3,112 กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ 503,427 154,055 ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี 2 ตะวันออก 11 64 523 6,063 กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา 2,088,607 505,587 เฉียงเหนือ มหาสารคาม บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี 3 กลาง 4 7 65 524 ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ลพบุรี 78,709 55,442 รวมทั้งประเทศ 27 127 973 9,699 2,770,743 715,084
ตารางเปรียบเทียบข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
จำนวน หมู่บ้าน 13-19 ก.ค. 2553 20-23 ก.ค. 2553 24 ก.ค.-2 ส.ค. 2553 3-9 ส.ค. 2553 ที่ ภาค ทั้งหมด หมู่บ้าน + เพิ่ม หมู่บ้าน + เพิ่ม หมู่บ้าน + เพิ่ม หมู่บ้าน + เพิ่ม - ลด - ลด - ลด - ลด 1 เหนือ 16,590 3,475 -120 3,408 -67 3,175 -233 3,112 -63 2 ตะวันออก 33,099 7,782 -62 7,165 -617 7,159 -6 6,063 -1,096 เฉียงเหนือ 3 กลาง 11,736 797 -112 612 -185 525 -87 524 -1 รวม 61,425 12,054 -294 11,185 -869 10,859 -326 9,699 -1,160
เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม-2 สิงหาคม 2553 ซึ่งมีพื้นที่ ประสบภัยแล้ง รวม 27 จังหวัด 154 อำเภอ 1,124 ตำบล 10,859 หมู่บ้าน แต่เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนตกทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ต่างๆ ลดลง จำนวน 1,160 หมู่บ้าน
หมายเหตุ สถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ช่วงระยะเวลาที่มีสถานการณ์ภัยแล้งสูงสุดอยู่ในห้วงระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2553 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 60 จังหวัด 463 อำเภอ 3,005 ตำบล 24,248 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,421,017 คน 1,982,861 ครัวเรือน
1.2 ความเสียหาย
พื้นที่การเกษตรเสียหาย รวม 1,528,614 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 1,269,002 ไร่ นาข้าว 96,498 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 163,114 ไร่ ในพื้นที่ 45 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด เลยสกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช ระนอง พัทลุง สตูล สุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง
1.3 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด ดังนี้ 1) ใช้รถบรรทุกน้ำ 381 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว จำนวน142,800,024 ลิตร 2) ซ่อมสร้างทำนบ/ฝายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำ 334 แห่ง 3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 478 แห่ง 4) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 506,089,059 บาท แยกเป็น งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 270,710,067 บาท งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 230,752,859 บาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) งบอื่น ๆ 4,626,133 บาท
1.4 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นๆ
1) กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 261 เครื่อง ไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ 37 จังหวัด โดยแยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 30 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 107 เครื่อง ภาคกลาง 38 เครื่อง ภาคตะวันออก 28 เครื่อง และภาคใต้ 58 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ 33 คัน 3,628 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 21,768,000 ลิตร
2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,076 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 26,067,000 ลิตร
3) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,500 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 30,777,000 ลิตร
4) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 996 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 6,114,096 ลิตร
5) การประปาส่วนภูมิภาค ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยไม่คิดมูลค่าเป็นจำนวน 555,427,000 ลิตร และคิดเป็นยอดเงินรวม จำนวน 8,886,841 บาท
6) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดรถบรรทุกน้ำ 30 คัน เพื่อแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 50,000,000 ลิตร
7) กรมทรัพยากรน้ำ ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 1,346,000 ลิตร
8) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจกน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 90,400,000 ลิตร
9) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎร ผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 236,000 ลิตร
10) สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นบินปฏิบัติการ รวม 125 วัน จำนวน 3,629 เที่ยว มีรายงานฝนตกในการปฏิบัติการ รวม 114 วัน จำนวน 664 สถานี มีรายงานฝนตก 63 จังหวัด
11) สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง
สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้นำหน่วยน้ำดื่มไปบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี และอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร รวมจ่ายน้ำให้กับประชาชนทั้งสิ้น จำนวน 3,653,900 ลิตร
2. สถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 3—9 สิงหาคม 2553)
2.1 พื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง น่าน และจังหวัดเชียงราย รวม 10 อำเภอ 22 ตำบล ดังนี้
1) จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 02.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อำเภอเด่นชัย ตำบลห้วยไร่ บริเวณบ้านน้ำแรม (หมู่ที่ 4) ทางหลวงหมายเลข 11 ระหว่างสามแยกปากจั๊วะ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ถึง เขาพลึง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ช่วง กม.151 ถนนทางเบี่ยงถูกน้ำพัดขาด รถยนต์สามารถสัญจรได้แล้ว และปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
2) จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 02.00 น. เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอลับแล ตำบลแม่พูล (หมู่ที่ 1,2,3,5) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 49 ครัวเรือน ความเสียหายอยู่ระหว่างสำรวจ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
3) จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 03.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอเมือง 2 ตำบล คือ ตำบลบ้านแลง (หมู่ที่ 4,5,8,10) และตำบลบ้านเสด็จ (หมู่ที่ 2,15) อำเภอแจ้ห่ม 5 ตำบล คือ ตำบลแจ้ห่ม (หมู่ที่ 3,4,5,6,7,10,11) ตำบลบ้านสา (หมู่ที่ 1-4,6,9) ตำบลเมืองมาย (หมู่ที่ 1-6) ตำบลแม่สุก (หมู่ที่ 1,3,4,6,7,8,10,11) และตำบลปงดอน (หมู่ที่ 4) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,624 ครัวเรือน 8,538 คน สะพานชำรุด 4 แห่ง ฝาย 9 แห่ง คอสะพาน 5 แห่ง พื้นที่การเกษตร 3,940 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
4) จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ลำน้ำสมุน ตำบลสะเนียน ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมไร่นา และบ้านเรือนราษฎรริมน้ำบางส่วนในพื้นที่อำเภอเมือง 3 ตำบล คือ ตำบลสะเนียน (หมู่ที่ 1,2) ตำบลถืมตอง (หมู่ที่ 2,6) และตำบลไชยสถาน (หมู่ที่ 6) ความเสียหายอยู่ระหว่างสำรวจ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
5) จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 ฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ 10 ตำบล 97 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,682 ครัวเรือน 9,565 คน ความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ ดังนี้
(1) อำเภอแม่จัน ตำบลป่าตึง (หมู่ที่ 1-20) ตำบลแม่จัน (หมู่ที่ 1-14) และตำบลแม่คำ (หมู่ที่ 7,9,13)
(2) อำเภอเทิง ตำบลหงาว (หมู่ที่ 1,7,11)
(3) อำเภอขุนตาล ตำบลต้า (หมู่ที่ 16) ตำบลป่าตาล (หมู่ที่ 1,6,8-10) และตำบลยางฮอม (หมู่ที่ 4-7,14)
(4) อำเภอแม่ฟ้าหลวง ตำบลเทิดไทย (หมู่ที่ 1-18) และตำบลแม่สลองใน (หมู่ที่ 1-26)
(5) อำเภอเชียงแสน ตำบลศรีดอนมูล (หมู่ที่ 3,10)
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
อนึ่ง จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 16.30 น. เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ในเขตพื้นที่อำเภอเมือง ตำบลบางศรีเมือง ทำให้ป้ายโฆษณาล้มทับบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 1 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และอำเภอปากเกร็ด หมู่บ้านเมืองทองธานี ป้ายโฆษณาหล่น ใส่ประชาชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน
3. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 9 — 14 สิงหาคม 2553
กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 9-10 สิงหาคม 2553 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา หรือที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง ชาวเรือในทะเลอันดามันและ อ่าวไทยตอนบนควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-14 สิงหาคม 2553 ร่องมรสุมมีกำลังอ่อนลง และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์กระจายและมีฝนตกหนักได้บางแห่ง คลื่นลมจะมีกำลังอ่อนลง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เตรียมการป้องกันและ แก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน และผลิตผลทางการเกษตรของประชาชนแล้ว และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น
อนึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว (ระหว่างวันที่ 3-8 สิงหาคม 2553) จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงมากกว่า 5 R ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 เวลา 08.48 น. แผ่นดินไหวในทะเล บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ขนาด 5.1 R และเมื่อเวลา 19.08 น. แผ่นดินไหวในทะเลโมลุกกะ อินโดนีเซีย ขนาด 6.2 R เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 เวลา 14.15 น. แผ่นดินไหว ปาปัวนิวกินี ขนาด 6.4 R และเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 เวลา 05.02 น. แผ่นดินไหวในทะเล บริเวณ ปาปัวนิวกินี ขนาด 7.0 R
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 สิงหาคม 2553--จบ--