สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2553)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 17, 2010 16:13 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2553) ของกระทรวงมหาดไทย ดังนี้

1. สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการให้ความช่วยเหลือ

1.1 พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 10-11 สิงหาคม 2553) ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และจังหวัดลพบุรี รวม 120 อำเภอ 898 ตำบล 9,163 หมู่บ้าน แยกเป็น

ข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ปี 2553 (ข้อมูล ณ วันที่ 10-11 สิงหาคม 2553)

ที่                        พื้นที่ประสบภัย                                                        ราษฎรประสบภัย
    ภาค        จังหวัด    อำเภอ     ตำบล    หมู่บ้าน    รายชื่อจังหวัด                              คน    ครัวเรือน
1   เหนือ          12        51     330    2,750    กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่          496,163    143,273
                                                   ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร
                                                   พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี
2   ตะวันออก       11        63     511    5,941    กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา          2,052,567    494,177
    เฉียงเหนือ                                       มหาสารคาม บุรีรัมย์ มุกดาหาร
                                                   ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ
                                                   หนองบัวลำภู อุบลราชธานี
3   กลาง           4         6      57      472    ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ลพบุรี       151,950     52,888
รวมทั้งประเทศ       27       120     898    9,163                                     2,700,680    690,338

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

                    จำนวน
                    หมู่บ้าน    20-23 ก.ค. 2553   24 ก.ค.-2 ส.ค. 2553    3-9 ส.ค. 2553       10-11 ส.ค. 2553
ที่   ภาค             ทั้งหมด     หมู่บ้าน    + เพิ่ม     หมู่บ้าน     + เพิ่ม     หมู่บ้าน     + เพิ่ม      หมู่บ้าน     + เพิ่ม
                                        - ลด                - ลด                - ลด                 - ลด
1   เหนือ           16,590     3,408      -67     3,175      -233     3,112       -63      2,750      -362
2   ตะวันออก        33,099     7,165     -617     7,159        -6     6,063    -1,096      5,941      -122
    เฉียงเหนือ
3   กลาง           11,736       612     -185       525       -87       524        -1        472       -52
    รวม            61,425    11,185     -869    10,859      -326     9,699    -1,160      9,163      -536

เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 3-9 สิงหาคม 2553 ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัยแล้ง รวม 27 จังหวัด 127 อำเภอ 973 ตำบล 9,699 หมู่บ้าน แต่เนื่องจาก มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนตกทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ต่างๆ ลดลง จำนวน 536 หมู่บ้าน

หมายเหตุ สถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ช่วงระยะเวลาที่มีสถานการณ์ภัยแล้งสูงสุดอยู่ในห้วงระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2553 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 60 จังหวัด 463 อำเภอ 3,005 ตำบล 24,248 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,421,017 คน 1,982,861 ครัวเรือน

1.2 ความเสียหาย

พื้นที่การเกษตรเสียหาย รวม 1,528,614 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 1,269,002 ไร่ นาข้าว 96,498 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 163,114 ไร่ ในพื้นที่ 45 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด เลยสกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช ระนอง พัทลุง สตูล สุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง

1.3 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด

1) ใช้รถบรรทุกน้ำ 381 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว จำนวน 142,800,024 ลิตร

2) ซ่อมสร้างทำนบ/ฝายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำ 334 แห่ง

3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 478 แห่ง

4) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 506,089,059 บาท แยกเป็น

  • งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 270,710,067 บาท
  • งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 230,752,859 บาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
  • งบอื่น ๆ 4,626,133 บาท

1.4 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นๆ

1) กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 261 เครื่อง ไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ 37 จังหวัด โดยแยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 30 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 107 เครื่อง ภาคกลาง 38 เครื่อง ภาคตะวันออก 28 เครื่อง และภาคใต้ 58 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ 33 คัน 3,628 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 21,768,000 ลิตร

2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,076 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 26,067,000 ลิตร

3) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,500 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 30,777,000 ลิตร

4) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 996 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 6,114,096 ลิตร

5) การประปาส่วนภูมิภาค ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยไม่คิดมูลค่าเป็นจำนวน 560,449,000 ลิตร และคิดเป็นยอดเงินรวม จำนวน 8,967,187 บาท

6) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดรถบรรทุกน้ำ 30 คัน เพื่อแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 50,000,000 ลิตร

7) กรมทรัพยากรน้ำ ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 1,346,000 ลิตร

8) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจกน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยรวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 90,400,000 ลิตร

9) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 236,000 ลิตร

10) สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นบินปฏิบัติการ รวม 125 วัน จำนวน 3,629 เที่ยว มีรายงานฝนตกในการปฏิบัติการ รวม 114 วัน จำนวน 664 สถานี มีรายงานฝนตก 63 จังหวัด

11) สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง

สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้นำหน่วยน้ำดื่มไปบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี และอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร รวมจ่ายน้ำให้กับประชาชนทั้งสิ้น จำนวน 3,653,900 ลิตร

2. สถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 1—9 สิงหาคม 2553)

สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2553 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่การเกษตรและชุมชน

2.1 พื้นที่ประสบภัย 7 จังหวัด 14 อำเภอ 29 ตำบล ได้แก่ จังหวัดระยอง ตราด แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง น่าน และจังหวัดเชียงราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 18,383 คน 5,446 ครัวเรือน

2.2 ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย บริเวณที่ลุ่มต่ำการเกษตรบางพื้นที่ใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่จัน และอำเภอเชียงแสน ทั้งนี้ คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วัน

2.3 การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว พร้อมเร่งออกสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป

2.4 สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ) และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงโปรดให้ศาสตราจารย์ นายแพทย์ดำรง เหรียญประยูร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์มอบถุงพระราชทาน และตรวจเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ดังนี้

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 เวลา 10.30 น. เดินทางไปมอบถุงพระราชทานแก่ราษฎร จำนวน 700 ถุง และถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 48 ถุง ณ โรงเรียนเทศบาล 2 บ้านใหม่ (ประกอบราษร์วิทยานุกูล) ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ต่อจากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมราษฎรที่เป็นผู้พิการ และผู้สูงอายุ

3. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 16— 21 สิงหาคม 2553

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 16-17 สิงหาคม 2553 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางทำให้ทั่วประเทศมีฝนหนาแน่นและฝนตกหนักบางแห่ง จากนั้นในช่วงวันที่ 18 — 21 สิงหาคม 2553 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนกระจาย ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา หรือที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน และผลิตผลทางการเกษตรของประชาชนแล้ว และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น

อนึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว (ระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2553) จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงมากกว่า 5 R ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2553 เวลา 05.21 น. แผ่นดินไหวในทะเล บริเวณหมู่เกาะอันดามัน ขนาด 5.4 R

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ