ผลการประชุมหารือกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 25, 2010 15:27 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมหารือกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้

ด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry : METI) ระหว่างวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2553 กระทรวงพาณิชย์ขอรายงานผลการหารือ ดังนี้

1. การควบคุมการส่งออก

ญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการดำเนินการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางมาก เพื่อป้องกันการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapons of Mass Destruction : WMD) ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยินดีที่ทราบว่าคณะรัฐมนตรีของไทยเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการจัดวางระบบบริหารการนำเข้าส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง และญี่ปุ่นพร้อมที่จะให้การสนับสนุนไทยในการพัฒนาระบบดังกล่าว โดยการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างต่อเนื่อง

2. ความร่วมมือภายใต้ความร่วมมือ JTEPA

2.1 ญี่ปุ่นแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาลดภาษีรถยนต์เครื่องขนาดมากกว่า 3,000 ซีซี ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ที่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งฝ่ายไทยได้แจ้งว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงอุตสาหกรรม

2.2 ฝ่ายไทยขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาปรับปรุงกฎแหล่งกำเนิดสินค้าสับปะรด ที่กำหนดว่าต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 900 กรัม ให้มีความยืดหยุ่นสามารถรองรับสับประรดส่วนใหญ่ของไทยที่มีขนาดประมาณ 1,000 กรัมขึ้นไปได้ และขอให้เพิ่มโควตาการนำเข้าเนื้อสุกรแปรรูป ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นรับที่จะนำเรื่องนี้แจ้งให้กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงพิจารณาต่อไป

2.3 นอกจากนี้ ฝ่ายไทยขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาสนับสนุนโครงการความร่วมมือภายใต้ JTEPA 7 โครงการ โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งขณะนี้ญี่ปุ่นได้ชะลอความร่วมมือนี้ โดยขอให้ญี่ปุ่นส่งบุคลากรฝึกอบรมแก่ผู้ประกอบการไทยอย่างเพียงพอ

3. ประเด็นอื่นๆ

3.1 ฝ่ายญี่ปุ่นขอทราบความคืบหน้าปัญหามาบตาพุด ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงว่าไทยเข้าใจว่าปัญหาดังกล่าวมีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่น แต่ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนไทยด้วย เช่นกันดังนั้นจึงต้องมีการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีของไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้กำหนดกรอบสำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือนนับจากนี้

3.2 ฝ่ายญี่ปุ่นขอให้ไทยสนับสนุนข้อเสนอการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแบบ ASEAN+6 หรือ CEPEA ซึ่งประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในการประชุมเอเปคที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้ ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้ทราบว่า ไทยได้ให้ความสำคัญต่อการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และขอขอบคุณที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดทำข้อเสนอแผนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจแบบ ASEAN+6 มาเป็นแนวทางการดำเนินการอย่างเป็นระบบ เนื่องจากไทยเห็นว่าแผนดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องกลไกการทำงาน ที่สอดคล้องกับโครงสร้างเดิมที่อาเซียนมีอยู่แล้ว ทำให้ไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ