คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเป็นหน่วยงานกลางตามมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 โดยมีวัตถุประสงค์ตามที่กำหนด และให้สถาบันมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น และให้สถาบันมีอำนาจกระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ (ร่างมาตรา 5 ร่างมาตรา 6 และร่างมาตรา 8)
2. กำหนดให้ทุนและทรัพย์สินของสถาบันประกอบด้วย เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาตามมาตรา 42 เงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เป็นต้น และให้รายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้นำต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ร่างมาตรา 9 และร่างมาตรา 10)
3. กำหนดให้มีคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ประกอบด้วย ประธานกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนด กรรมการโดยตำแหน่งจำนวนหกคน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนแปดคน โดยมีผู้อำนวยการสถาบันฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ กำหนดคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 13 ถึงร่างมาตรา 18)
4. กำหนดให้มีผู้อำนวยการสถาบันฯ ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสถาบันฯ (ร่างมาตรา 22 — ร่างมาตรา 25 และร่างมาตรา 27)
5. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาโดยมีวัตถุประสงค์ตามที่กำหนด และให้กองทุนประกอบด้วยเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิมเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินที่ได้รับจัดสรรตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม และเงินค่าสัมปทานและผลกำไรที่ได้จากการดำเนินการด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมตามที่ได้รับจัดสรรตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรี เป็นต้น โดยให้เงินและทรัพย์สินของกองทุนไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ร่างมาตรา 34 — ร่างมาตรา 36)
6. กำหนดให้การจัดสรรเพื่อการผลิต การวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของกองทุนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯ (ร่างมาตรา 37)
7. กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนประกอบด้วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ผู้แทนส่วนราชการเป็นกรรมการ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 38 และร่างมาตรา 39)
8. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ วาระเริ่มแรกของคณะกรรมการฯ ผู้อำนวยการสถาบันฯ และการโอนข้าราชการและลูกจ้างไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสถาบันฯ (ร่างมาตรา 42 ถึงร่างมาตรา 45)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 31 สิงหาคม 2553--จบ--