การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 7 เดือนของปี 2553 (มกราคม-กรกฎาคม)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 1, 2010 12:28 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 7 เดือนของปี 2553 (มกราคม-กรกฎาคม) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนกรกฎาคม 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 15,564.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 20.6 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2552 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 500,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อยเนื่องจากราคาส่งออกสูงขึ้น โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และ กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่ อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป ยังส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ส่วนข้าว ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 19.9 และ 25.1 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท และผัก ผลไม้ ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 25.3 และ 9.3 ตามลำดับ เนื่องจาก ผลผลิตในประเทศลดลง

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น

สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิต - ภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เลนส์ นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์

สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง อาหารสัตว์เลี้ยง และ ของเล่น

สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ อัญมณี ที่ลดลงร้อยละ 16.4 เป็นผลจากการส่งออกทองคำที่ลดลงถึงร้อยละ 84.7 ขณะที่อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วก็ส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.1 รวมทั้ง วัสดุก่อสร้างลดลงร้อยละ 2.5 เป็นการลดลงของการส่งออกโครงก่อสร้างทำด้วยเหล็กไปออสเตรเลียที่ลดลงถึงร้อยละ 89.0 และสิ่งพิมพ์ กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 2.0 เป็นการลดลงในฮ่องกงและญี่ปุ่น เนื่องจากต้องแข่งขันกับจีนที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศ โดยสร้างโรงงานกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในตลาดหลักและตลาดที่มีศักยภาพ

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เก้า ร้อยละ 22.3 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 30.6 ขณะที่ สหรัฐฯและ สหภาพยุโรป(15) ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบเอ็ด ร้อยละ 21.9 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นสิงคโปร์ที่ส่งออกลดลงร้อยละ 7.0 โดยเป็นการลดลงของการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปและส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบเอ็ด ร้อยละ 19.3 เป็นการขยายตัวในทุกตลาด ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 0.2 เป็นการลดลงของการส่งออกข้าวที่ลดลงร้อยละ 45.5 ตลาดที่ลดลงได้แก่ ไนจีเรีย และแอฟริกาใต้

1.2 การส่งออกในระยะ 7 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ก.ค.)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 108,631.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 3,520,688.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.4

1.2.2 สินค้าส่งออก เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ดังนี้ สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งผักและผลไม้ ที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อย ยกเว้น ข้าวที่ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 8.9 และ 4.0 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ และเลนส์ รวมทั้งอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24.0 (การส่งออกอัญมณีเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 และการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0)

1.2.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 27.3 และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.8 , 24.5 และ 21.8 ตามลำดับ

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงร้อยละ 45.4 และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูงในทุกตลาด ทั้ง อาเซียน(5) จีน อินโดจีนและพม่า ฮ่องกง และ อินเดีย

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 27.0 และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะ ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา และ ยุโรปตะวันออกที่ขยายตัวในอัตราสูง ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 2.6 เป็นการลดลงของการส่งออกเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์(โครงก่อสร้าง) และข้าว ที่ลดลงร้อยละ 81.6 และ 25.3 ตามลำดับ

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนกรกฎาคม 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 16,504.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 536,398.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 2,434.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่น้ำมันดิบ มีมูลค่า 1,789.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 23.23 ล้านบาร์เรล (749,404 บาร์เรลต่อวัน) ลดลงร้อยละ 9.3 สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าทุน นำเข้ามูลค่า 4,034.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.2 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในสินค้าคงทน การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ ได้แก่ เครื่อง จักรกลและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.8 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้ามูลค่า 7,916.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.9 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.3 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเม็ดพลาสติก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ และผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณ 1.15 ล้านตัน มูลค่า 1,068.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเชิงปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.6 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 92.2 เป็นการนำเข้าตามความต้องการบริโภคเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว และความต้องการใช้เหล็กในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเหล็กแผ่นเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์สำหรับการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศ ทองคำ นำเข้าปริมาณ 44.6 ตัน มูลค่า 1,704.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเชิงปริมาณ เพิ่มขึ้นร้อยละ 133.7 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 203.6 เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้น

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้ามูลค่า 1,390.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 การนำเข้า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.9 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.1 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง นำเข้ามูลค่า 697.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.1 การนำเข้าสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 80.9 รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 106.3 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.9 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7

2.2 การนำเข้าในระยะ 7 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ก.ค.)

2.2.1 การนำเข้า นำเข้ามูลค่า 103,193.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.9

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ดังนี้ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.9 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.3 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.4 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.6 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 102.6

3. ดุลการค้า

เดือนกรกฎาคม 2553 ไทยขาดดุลการค้า 939.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ขาดดุลการค้ามูลค่า 36,303.7 ล้านบาท สำหรับในระยะ 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ไทยยังคงเกินดุลการค้ามูลค่า 5,437.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 136,968.1 ล้านบาท

4. เปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยกับประเทศคู่แข่ง ปี 2553

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                        มค. 53     กพ. 53    มีค. 53    เมย. 53     พค.53     มิย.53     กค.53
             ไทย          30.8       23.1      40.9       35.2      42.1      46.3      20.6
             จีน             21       45.7      24.2       30.4      48.4      43.9        38
             ไต้หวัน        75.8       32.6      50.1       47.8      57.9      34.1      38.5
             เกาหลีใต้      45.8       30.3      34.3       29.8      40.5      32.4      29.6
             เวียดนาม      34.8      -25.6       5.3       24.6        43      33.4      20.7
             สิงคโปร์         37       19.2      29.3         30        29      28.3        Na
             มาเลเซีย        37       18.4      36.4       26.6      21.9      17.2        Na
              ฟิลิปปินส์      42.4       42.5      43.7       28.2      37.3      33.4        Na

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 31 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ