คณะรัฐมนตรีอนุมัติผ่อนผันการก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณ (สงป.) แก่สถานศึกษา จำนวน 35 แห่ง ที่ได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมแก่ประชาชนตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน เป็นเงินจำนวน 43,916,691 บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รายงานว่า
1. สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นสถาบันฝึกอบรมภายใต้โครงการต้นกล้าอาชีพในรอบเดือนเมษายน — ตุลาคม 2552 ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนให้ดำเนินการสำหรับการฝึกอบรมในรุ่นที่ 8 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552 โดยคณะกรรมการบริหารโครงการฯ เห็นชอบในหลักการให้สถาบันฝึกอบรมที่มีเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินการฝึกอบรมในรอบเดือนเมษายน — ตุลาคม 2552 และได้ขอกันเงินงบประมาณที่เหลือดังกล่าวทั้งจำนวนไว้เบิกเหลื่อมปีแล้วสามารถนำเงินงบประมาณจำนวนดังกล่าวไปดำเนินการฝึกอบรมตามที่แจ้งไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2552 (รุ่นที่ 8) อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากสำนักงานโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนได้แจ้งว่ามติคณะรัฐมนตรี (13 ตุลาคม 2552) ให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจัดฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ต้องได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจาก สงป. ก่อนจึงจะสามารถดำเนินการจัดฝึกอบรมได้
2. สอศ. ได้เสนอ สงป. ขออนุมัติใช้เงินเหลือจ่ายโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานฯ และขอเปลี่ยนแปลง รายการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวนทั้งสิ้น 190,910,800 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการฝึกอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพ รุ่นที่ 8 ของสถานศึกษา จำนวน 105 แห่ง
3. สงป. พิจารณาแล้วอนุมัติให้ สอศ. เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน โดยแยกตามงบรายจ่ายต่าง ๆ ดังนี้
- งบดำเนินงาน จำนวน 97,380,000 บาท
- งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน 93,530,800 บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมหลักสูตรของโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมใน ชุมชน (โครงการต้นกล้าอาชีพ) ต่อเนื่อง ของสถานศึกษาจำนวน 105 แห่ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 190,910,800 บาท ตามหลักการกรอบวงเงินการจัดสรรงบประมาณ ตามมติคณะกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ตามที่ขอทำความตกลงไปได้ ทั้งนี้ สอศ. ต้องดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและไม่เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน และสอดคล้องกับเป้าหมายการบริหารจัดการงบประมาณตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับกรณีของสถานศึกษาที่ได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมไปก่อนได้รับจัดสรรเงินประจำงวด หรือได้ใช้จ่ายเกินกว่าวงเงินที่สถานศึกษานั้นมีเงินเหลือจ่าย สอศ. จะต้องขออนุมัติผ่อนผันการก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจาก สงป. ต่อคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (มาตรา 23 วรรคสี่)
4. สอศ. ได้ตรวจสอบพบว่ามีสถานศึกษาที่เข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากสำนักงานโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (โครงการต้นกล้าอาชีพ) อนุมัติหลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพให้สถานศึกษาเปิดสอนได้ในรุ่นที่ 8 ผ่านทางเว็บไซต์แล้ว และมีประชาชนที่ได้มารายงานตัวเพื่อเข้ารับการอบรมวิชาชีพในหลักสูตรต่าง ๆ ที่สถานศึกษาจำนวนมาก ด้วยเหตุดังกล่าวสถานศึกษาจึงได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมโครงการต้นกล้าอาชีพรุ่นที่ 8 ไปก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจัดสรรเงินประจำงวดจาก สงป. มีจำนวน 35 แห่ง ทำให้มีภาระผูกพันเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดฝึกอบรมต้องใช้เงินงบประมาณ จำนวน 44,115,611 บาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายตามโครงการแก่ประชาชนที่เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย
- งบดำเนินงาน จำนวน 23,283,641 บาท
- งบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน 20,831,970 บาท
ต่อมา ศธ. ได้แจ้งว่า มีความคลาดเคลื่อนในค่าใช้จ่ายของสถานศึกษาที่ได้ดำเนินการฝึกอบรมตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานฯ ในรุ่นที่ 8 ไปก่อนที่จะได้รับอนุมัติจัดสรรเงินประจำงวดจาก สงป. จำนวน 35 แห่ง (ข้อ 4.) โดยในส่วนของงบเงินอุดหนุน ของวิทยาลัยการอาชีพสุไหงโก-ลก จากเดิมจำนวน 1,158,920 บาท ได้ปรับลดลงเป็นจำนวน 960,000 บาท ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดฝึกอบรมปรับลดลงเป็นจำนวน 43,916,691 บาท ประกอบด้วย
- งบดำเนินงาน จำนวน 23,283,641 บาท
- งบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน 20,633,050 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 กันยายน 2553--จบ--