ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรับรองประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือระหว่างประเทศไทยกับประเทศยูเครน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 8, 2010 16:52 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรับรองประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือระหว่างประเทศไทยกับประเทศยูเครน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงข้อตกลงดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศ

2. อนุมัติให้อธิบดีกรมเจ้าท่าหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่อธิบดีกรมเจ้าท่าหรือผู้ได้รับมอบหมายสำหรับการลงนามดังกล่าวต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงคมนาคม (คค.) รายงานว่า

1. กรมเจ้าท่าจะดำเนินการจัดทำบันทึกความเข้าใจ ฯ เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 1/10 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตรและการเข้ายามของคนประจำเรือ ค.ศ. 1978 (แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ. 1995) (International Convention on Standard of Training, Certification and Watchkeeping for Seafarers 1978 as amended 1995 : STCW 78/95) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญา STCW ดังกล่าว

2. บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้

2.1 บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้เป็นหนังสือสัญญาระดับทวิภาคีมีอายุ 5 ปี ประเทศคู่สัญญามี สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตลอดเวลา โดยมีเงื่อนไขเฉพาะการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบก่อนวันสิ้นสุดสัญญาตามเงื่อนไขระยะเวลาที่กำหนดไว้ในความตกลงสำหรับประเทศยูเครน 6 เดือน

2.2 สาระสำคัญเป็นไปตามข้อกำหนดของอนุสัญญา STCW มิได้มีเงื่อนไขผูกพันเกี่ยวกับการดำเนินการจ้าง ประเทศคู่ภาคีมีสิทธิที่จะควบคุมการจ้างตามมาตรการภายในได้โดยอิสระ ซึ่งการควบคุมการรับรองประกาศนียบัตรการจ้างคนต่างชาติลงทำการในเรือไทย ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ มาตรา 279 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พุทธศักราช 2453 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2525 และข้อ 51 ถึงข้อ 56 แห่งข้อบังคับกรมเจ้าท่าว่าด้วยการฝึกอบรม การสอบความรู้ และการออกประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือ พ.ศ. 2541 กำหนดเกี่ยวกับการออกประกาศนียบัตรรับรองไว้ โดยให้อำนาจอธิบดีกรมเจ้าท่าในการทำข้อตกลงและสาระสำคัญมีขอบเขตเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับมาตรฐานความรู้ความสามารถของคนประจำเรือสำหรับการออกประกาศนียบัตรรับรอง

2.3 การรับรองประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือที่ถือประกาศนียบัตรของประเทศคู่ภาคี จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมเจ้าท่า โดยต้องมีหลักฐานรับรองจากเจ้าของเรือว่าจะจ้างลงทำการในเรือลำใด ในตำแหน่งใด และต้องตรวจสอบคุณสมบัติของประกาศนียบัตรที่ออกโดยรัฐภาคีคู่สัญญาว่ามีความเหมาะสมในการปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นหรือไม่และจะต้องพิจารณาว่าในตำแหน่งที่จะจ้างนั้นมีคนประจำเรือไทยได้มีการขึ้นบัญชีคนพร้อมไว้หรือไม่ หากมีจะต้องให้โอกาสในการคัดเลือกคนประจำเรือไทยก่อน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540 ออกตามความในพระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 ได้กำหนดให้การจ้างงานคนประจำเรือต่างชาติลงทำการในเรือไทยต้องควบคุมสัดส่วนคนต่างชาติกับคนประจำเรือไทยที่จะลงทำการในเรือไทยที่จดทะเบียนใช้ประกอบการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศโดยเฉพาะต้องมีคนประจำเรือไทยไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ ซึ่งเป็นการอนุญาตคนต่างชาติลงทำการได้เฉพาะเรือที่มิได้ทำการค้าในน่านน้ำไทย

3. กระทรวงคมนาคมได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วได้รับแจ้งว่า หากสามารถเจรจากับประเทศยูเครนให้ลดระดับสถานะของภาคีของบันทึกความเข้าใจฯ ให้เป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นกรมหรือส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ก็จะเป็นเพียงความตกลงระดับหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2549 แต่ประเทศยูเครนได้มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่าระเบียบการของยูเครนกำหนดให้ผู้มีอำนาจลงนามต้องเป็นระดับรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้น กรณีนี้จึงเข้าข่ายเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศเนื่องจากเป็นความตกลงระดับรัฐบาลจึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการลงนามความตกลง

4. เพื่อให้บันทึกความเข้าใจฯ มีผลบังคับใช้ตามข้อ I/10 ของอนุสัญญา STCW ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องขออนุมัติมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้อธิบดีกรมเจ้าท่าหรือผู้ได้รับมอบหมายลงนามบันทึกความเข้าใจฯ กับรัฐบาลประเทศยูเครน

5. กระทรวงคมนาคมมีความเห็นว่า สาระสำคัญของการทำหนังสือสัญญาดังกล่าวอยู่ในขอบเขตข้อกำหนดของกฎหมายและสามารถมีมาตรการควบคุมได้ตามเหตุผลข้างต้น (ข้อ 2.2-2.3) จึงไม่น่าจะอยู่ในข่ายของมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 กันยายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ