คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปลี่ยนวิธีดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 จากให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมวิชาการเกษตร) ดำเนินการผลิตพันธุ์ยาง เป็นให้เกษตรกรจัดหาต้นยางชำถุงปลูกเอง โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเข้ามาร่วมดำเนินการกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรได้รับต้นยางชำถุงในปี 2550 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้ครบถ้วนชัดเจน และขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงว่า
1. เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากนโยบายภาครัฐ ตามโครงการยาง 1 ล้านไร่ โดยเกษตรกรจำนวน 28,593 ราย ที่ไม่ได้รับต้นยางชำถุง ส่วนใหญ่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการเตรียมดิน ขุดหลุมไว้แล้ว หากไม่ได้รับต้นยางชำถุงไปปลูก เกษตรกรจะได้รับความเดือดร้อนทั้งจากการเสียโอกาสในการลงทุนปลูกพืชอื่น และเสียดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินมาลงทุนตรียมแปลงรอปลูกต้นยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรต้องเร่งดำเนินการให้เกษตรกรที่ได้รับอนุมัติให้ปลูกยางในปี 2549 แต่ไม่ได้รับต้นยางชำถุง ให้ได้รับต้นยางชำถุงปลูกได้ทันในฤดูปลูก ปี 2550
2. เกษตรกรจำนวนหนึ่งได้ก่อตัวทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหารุนแรงยิ่งขึ้น โดยเกษตรกรดังกล่าวได้เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนแล้วจำนวน 3 ครั้ง ไม่รวมถึงการชุมนุมเรียกร้องตามจังหวัดต่าง ๆ นอกเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยออกไป อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมวลชนกับภาครัฐ จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไข หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
3. ปัญหาเรื่องการมอบกล้ายางให้แก่เกษตรกร ได้กลายเป็นปัญหาทางด้านกฎหมาย โดยกลุ่มเกษตรกรจังหวัดพะเยา และจังหวัดเลย ได้ร้องเรียนต่อศาลปกครอง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมวิชาการเกษตร ส่งต้นยางชำถุงตามโครงการยาง 1 ล้านไร่ให้แก่เกษตรกรร่วมโครงการปี 2549
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงว่า
1. เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากนโยบายภาครัฐ ตามโครงการยาง 1 ล้านไร่ โดยเกษตรกรจำนวน 28,593 ราย ที่ไม่ได้รับต้นยางชำถุง ส่วนใหญ่ได้เสียค่าใช้จ่ายในการเตรียมดิน ขุดหลุมไว้แล้ว หากไม่ได้รับต้นยางชำถุงไปปลูก เกษตรกรจะได้รับความเดือดร้อนทั้งจากการเสียโอกาสในการลงทุนปลูกพืชอื่น และเสียดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินมาลงทุนตรียมแปลงรอปลูกต้นยาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรต้องเร่งดำเนินการให้เกษตรกรที่ได้รับอนุมัติให้ปลูกยางในปี 2549 แต่ไม่ได้รับต้นยางชำถุง ให้ได้รับต้นยางชำถุงปลูกได้ทันในฤดูปลูก ปี 2550
2. เกษตรกรจำนวนหนึ่งได้ก่อตัวทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหารุนแรงยิ่งขึ้น โดยเกษตรกรดังกล่าวได้เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนแล้วจำนวน 3 ครั้ง ไม่รวมถึงการชุมนุมเรียกร้องตามจังหวัดต่าง ๆ นอกเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากปล่อยระยะเวลาให้ล่วงเลยออกไป อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านมวลชนกับภาครัฐ จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไข หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอาจทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
3. ปัญหาเรื่องการมอบกล้ายางให้แก่เกษตรกร ได้กลายเป็นปัญหาทางด้านกฎหมาย โดยกลุ่มเกษตรกรจังหวัดพะเยา และจังหวัดเลย ได้ร้องเรียนต่อศาลปกครอง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมวิชาการเกษตร ส่งต้นยางชำถุงตามโครงการยาง 1 ล้านไร่ให้แก่เกษตรกรร่วมโครงการปี 2549
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--