คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติของรัฐบาล (ปนร.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอ โดยให้แจ้งส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับเฉพาะในสมัยรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น
1. รับทราบจำนวนและสถานภาพร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาในภาพรวมทั้งหมด ดังนี้
(1) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(2) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว
(3) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปนช.)
(4) ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีต้องเสนอคู่กับร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ และร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ
2. เห็นชอบให้กระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการ ดังนี้
2.1 แจ้งรายชื่อร่างพระราชบัญญัติที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล สมควรผลักดันให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน 1 สัปดาห์ นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
2.2 กรณีกระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐใดประสงค์จะเสนอร่างพระราชบัญญัติใหม่และมีร่างพระราชบัญญัติอยู่แล้ว ให้ส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน 2550 แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันในช่วงเวลาดังกล่าว และยังเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ก็ให้เสนอร่างกฎหมายนั้น เป็นแต่ละกรณีตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป ทั้งนี้ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการนำเสนอร่างกฎหมาย เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
3. เห็นชอบให้มีการจัดระบบงานเสนอร่างกฎหมายของรัฐบาลในชั้นการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดการดำเนินการในส่วนของฝ่ายบริหารให้รวดเร็วและรอบคอบขึ้น โดยในการเสนอร่างกฎหมายของกระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีวิเคราะห์และแบ่งความสำคัญของกฎหมายเป็น 3 ประเภท ดังนี้
(1) กรณีกฎหมายไม่สลับซับซ้อนไม่มีผลกระทบกับระบบ อำนาจหน้าที่ อัตรากำลังคน เงินงบประมาณ และผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับกระทรวงมาแล้วหรือผ่านการพิจารณาจากองค์กรต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้ว ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณีเพื่ออนุมัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
(2) กรณีร่างกฎหมายมีความสลับซับซ้อนปานกลาง อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นบ้าง แต่ไม่มาก ให้ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งจัดทำบันทึกเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นในที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
(3) กรณีร่างกฎหมายมีความสลับซับซ้อนมาก มีผลกระทบมาก ให้ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใน 1 สัปดาห์ หากยังไม่ได้รับความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี โดยแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์
สำหรับการจัดระบบงานการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐบาลในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นั้น จักได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 มิถุนายน 2550--จบ--
1. รับทราบจำนวนและสถานภาพร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาในภาพรวมทั้งหมด ดังนี้
(1) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(2) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว
(3) ร่างพระราชบัญญัติในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปนช.)
(4) ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีต้องเสนอคู่กับร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ และร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการ
2. เห็นชอบให้กระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการ ดังนี้
2.1 แจ้งรายชื่อร่างพระราชบัญญัติที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล สมควรผลักดันให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน 1 สัปดาห์ นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
2.2 กรณีกระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐใดประสงค์จะเสนอร่างพระราชบัญญัติใหม่และมีร่างพระราชบัญญัติอยู่แล้ว ให้ส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน 2550 แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันในช่วงเวลาดังกล่าว และยังเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ก็ให้เสนอร่างกฎหมายนั้น เป็นแต่ละกรณีตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป ทั้งนี้ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการนำเสนอร่างกฎหมาย เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
3. เห็นชอบให้มีการจัดระบบงานเสนอร่างกฎหมายของรัฐบาลในชั้นการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดการดำเนินการในส่วนของฝ่ายบริหารให้รวดเร็วและรอบคอบขึ้น โดยในการเสนอร่างกฎหมายของกระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีวิเคราะห์และแบ่งความสำคัญของกฎหมายเป็น 3 ประเภท ดังนี้
(1) กรณีกฎหมายไม่สลับซับซ้อนไม่มีผลกระทบกับระบบ อำนาจหน้าที่ อัตรากำลังคน เงินงบประมาณ และผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับกระทรวงมาแล้วหรือผ่านการพิจารณาจากองค์กรต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้ว ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีแล้วแต่กรณีเพื่ออนุมัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
(2) กรณีร่างกฎหมายมีความสลับซับซ้อนปานกลาง อาจมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นบ้าง แต่ไม่มาก ให้ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งจัดทำบันทึกเพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นในที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
(3) กรณีร่างกฎหมายมีความสลับซับซ้อนมาก มีผลกระทบมาก ให้ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใน 1 สัปดาห์ หากยังไม่ได้รับความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี โดยแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอความเห็นต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หรือคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์
สำหรับการจัดระบบงานการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐบาลในชั้นการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นั้น จักได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 มิถุนายน 2550--จบ--