แท็ก
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ฟู้ดแอนด์ดริ๊งส์
การเคหะแห่งชาติ
โรงแรมคอนราด
คณะรัฐมนตรี
อีริคสัน
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการสำรวจตรวจสอบสภาพอาคารแฟลตดินแดงตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า อาคารแฟลตดินแดงซึ่งเป็นอาคารสงเคราะห์ประเภทแฟลตแห่งแรกของการเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอายุการใช้งานกว่า 40 ปี มีสภาพเสื่อมโทรมทั้งอาคารและสภาพแวดล้อมตามกาลเวลา และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติได้มีการตรวจสอบสภาพความเสียหายของอาคารอย่างสม่ำเสมอและดำเนินการแก้ไข ซ่อมแซมในส่วนที่อาจเกิดความเสียหายได้ แต่ก็ยังพบว่าสภาพความเสื่อมโทรมยังคงเกิดขึ้นตามอายุการใช้ ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) โดยคณะอนุกรรมการป้องกันอุบัติภัยในเคหะสถาน อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่และสาธารณะสถาน จัดประชุมหารือเพื่อหาข้อยุติและแนวทางการแก้ไขปัญหาอาคารโครงการดินแดง และมีมติให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการซ่อมแซมโครงสร้างและเสริมกำลังโครงสร้างในส่วนที่ทรุดโทรม ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายตามที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้เคยสำรวจให้มีความปลอดภัยและเป็นไปตามหลักวิชาการ และทำการสำรวจตรวจสอบสภาพอาคารเพิ่มเติมว่าเป็นไปตามที่ AIT เคยสำรวจไว้หรือไม่ หากมีเพิ่มก็ให้ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสียหายให้กลับคืนสภาพเดิม
ในการนี้ การเคหะแห่งชาติได้ให้ AIT ดำเนินการตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างอาคารในพื้นที่บริเวณอาคารแฟลตเลขที่ 1- 8 และแฟลตที่ 21 — 32 ซึ่งมีความเสียหายรุนแรง มีห้องพักอาศัยรวม 1,312 ห้อง สามารถเข้าไปสำรวจได้ 757 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 57.70 โดยตรวจสอบเปรียบเทียบกับการสำรวจเมื่อปี 2546 และนำเสนอผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2550 สรุปได้ดังนี้
1. ลักษณะการเสื่อมสภาพหลัก คือ การแตกร้าวของผนังและเสาเอ็นของปล่องทิ้งขยะ การเสื่อมสภาพของคอนกรีตและเหล็กเสริมบริเวณพื้นซักล้าง การแตกร้าวและหลุดร่อนของผิวคอนกรีตบริเวณระเบียงหน้า คอนกรีตท้องพื้นหลุดร่อนเนื่องจากสนิมในเหล็กเสริม เหล็กเสริมในองค์อาคารเสาและคาน เป็นสนิม ผนังบริเวณห้องน้ำส่วนติดกับพื้นที่ซักล้างแตกร้าว และคอนกรีตเสื่อมสภาพ
2. ผลการวิเคราะห์เสถียรภาพของโครงสร้างอาคาร 1-8 และ 21 -32 พบว่า ขนาดหน้าตัดเสาและเหล็กเสริมมีการเปลี่ยนขนาดที่บริเวณชั้น 2 และชั้น 4 ในส่วนโครงสร้างอาคารเมื่อพิจารณาเฉพาะบรรทุก (น้ำหนักของโครงสร้างและน้ำหนักจร) จะเกิดความเสี่ยงระดับปานกลาง (DCR > 1.00 — 1.25) แต่เมื่อพิจารณาครอบคลุมถึงผลจากแผ่นดินไหว จะมีความเสี่ยงในระดับสูง (DCR > 1.25) สำหรับองค์อาคารที่อ่อนแอสุดได้แก่ องค์อาคารเสาภายนอกชั้น 3 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าตักเสา และองค์อาคารเสาของโครงสร้างภายในชั้น 4
3. ผลการเปรียบเทียบการเสื่อมสภาพขององค์อาคารเมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2546 มีอัตราการเพิ่มขยายของการเสื่อมสภาพที่เร็ว และการเสื่อมสภาพในองค์อาคารมีการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว อาคารมีความเสี่ยงต่อการวิบัติสูง
4. การซ่อมแซมโครงสร้างหลัก สามารถนำระบบ Ferrocement Jacketing มาใช้ และโครงสร้างรองซ่อมแซมด้วยวิธีการทั่วไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เห็นว่าสภาพอาคารแฟลต 1-8 และแฟลต 21-32 มีความเสี่ยงส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย อีกทั้งการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก จึงมีมติให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ขอความร่วมมือจากสภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่และให้ความเห็นเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเชิงวิชาการและวิชาชีพ
2. จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอาคารแฟลต ดินแดง เมื่อรับทราบความเห็นเพิ่มเติมจากสภาวิศวกร และ วสท.
3. ให้การเคหะแห่งชาติประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อเตรียมการจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อยู่อาศัย ในกรณีมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายประชาชนผู้อยู่อาศัยในกลุ่มอาคารดังกล่าว
4. ให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำแผนงานการช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้อยู่อาศัย ทั้งให้มีผู้อยู่อาศัยได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อแผนงานดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 พฤษภาคม 2550--จบ--
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า อาคารแฟลตดินแดงซึ่งเป็นอาคารสงเคราะห์ประเภทแฟลตแห่งแรกของการเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอายุการใช้งานกว่า 40 ปี มีสภาพเสื่อมโทรมทั้งอาคารและสภาพแวดล้อมตามกาลเวลา และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติได้มีการตรวจสอบสภาพความเสียหายของอาคารอย่างสม่ำเสมอและดำเนินการแก้ไข ซ่อมแซมในส่วนที่อาจเกิดความเสียหายได้ แต่ก็ยังพบว่าสภาพความเสื่อมโทรมยังคงเกิดขึ้นตามอายุการใช้ ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ (กปอ.) โดยคณะอนุกรรมการป้องกันอุบัติภัยในเคหะสถาน อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่และสาธารณะสถาน จัดประชุมหารือเพื่อหาข้อยุติและแนวทางการแก้ไขปัญหาอาคารโครงการดินแดง และมีมติให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการซ่อมแซมโครงสร้างและเสริมกำลังโครงสร้างในส่วนที่ทรุดโทรม ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายตามที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้เคยสำรวจให้มีความปลอดภัยและเป็นไปตามหลักวิชาการ และทำการสำรวจตรวจสอบสภาพอาคารเพิ่มเติมว่าเป็นไปตามที่ AIT เคยสำรวจไว้หรือไม่ หากมีเพิ่มก็ให้ซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสียหายให้กลับคืนสภาพเดิม
ในการนี้ การเคหะแห่งชาติได้ให้ AIT ดำเนินการตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้างอาคารในพื้นที่บริเวณอาคารแฟลตเลขที่ 1- 8 และแฟลตที่ 21 — 32 ซึ่งมีความเสียหายรุนแรง มีห้องพักอาศัยรวม 1,312 ห้อง สามารถเข้าไปสำรวจได้ 757 ห้อง คิดเป็นร้อยละ 57.70 โดยตรวจสอบเปรียบเทียบกับการสำรวจเมื่อปี 2546 และนำเสนอผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2550 สรุปได้ดังนี้
1. ลักษณะการเสื่อมสภาพหลัก คือ การแตกร้าวของผนังและเสาเอ็นของปล่องทิ้งขยะ การเสื่อมสภาพของคอนกรีตและเหล็กเสริมบริเวณพื้นซักล้าง การแตกร้าวและหลุดร่อนของผิวคอนกรีตบริเวณระเบียงหน้า คอนกรีตท้องพื้นหลุดร่อนเนื่องจากสนิมในเหล็กเสริม เหล็กเสริมในองค์อาคารเสาและคาน เป็นสนิม ผนังบริเวณห้องน้ำส่วนติดกับพื้นที่ซักล้างแตกร้าว และคอนกรีตเสื่อมสภาพ
2. ผลการวิเคราะห์เสถียรภาพของโครงสร้างอาคาร 1-8 และ 21 -32 พบว่า ขนาดหน้าตัดเสาและเหล็กเสริมมีการเปลี่ยนขนาดที่บริเวณชั้น 2 และชั้น 4 ในส่วนโครงสร้างอาคารเมื่อพิจารณาเฉพาะบรรทุก (น้ำหนักของโครงสร้างและน้ำหนักจร) จะเกิดความเสี่ยงระดับปานกลาง (DCR > 1.00 — 1.25) แต่เมื่อพิจารณาครอบคลุมถึงผลจากแผ่นดินไหว จะมีความเสี่ยงในระดับสูง (DCR > 1.25) สำหรับองค์อาคารที่อ่อนแอสุดได้แก่ องค์อาคารเสาภายนอกชั้น 3 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าตักเสา และองค์อาคารเสาของโครงสร้างภายในชั้น 4
3. ผลการเปรียบเทียบการเสื่อมสภาพขององค์อาคารเมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2546 มีอัตราการเพิ่มขยายของการเสื่อมสภาพที่เร็ว และการเสื่อมสภาพในองค์อาคารมีการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหว อาคารมีความเสี่ยงต่อการวิบัติสูง
4. การซ่อมแซมโครงสร้างหลัก สามารถนำระบบ Ferrocement Jacketing มาใช้ และโครงสร้างรองซ่อมแซมด้วยวิธีการทั่วไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เห็นว่าสภาพอาคารแฟลต 1-8 และแฟลต 21-32 มีความเสี่ยงส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย อีกทั้งการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก จึงมีมติให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ขอความร่วมมือจากสภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ร่วมตรวจสอบพื้นที่และให้ความเห็นเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเชิงวิชาการและวิชาชีพ
2. จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอาคารแฟลต ดินแดง เมื่อรับทราบความเห็นเพิ่มเติมจากสภาวิศวกร และ วสท.
3. ให้การเคหะแห่งชาติประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อเตรียมการจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อยู่อาศัย ในกรณีมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายประชาชนผู้อยู่อาศัยในกลุ่มอาคารดังกล่าว
4. ให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำแผนงานการช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยในระยะสั้นและระยะยาว โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้อยู่อาศัย ทั้งให้มีผู้อยู่อาศัยได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อแผนงานดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 พฤษภาคม 2550--จบ--