ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 22, 2010 14:33 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติ

การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

ข้อเท็จจริง

กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่า

1. โดยที่พระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2552 ได้กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับบุคคลที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนไว้อย่างชัดแจ้งในมาตรา 12 โดยกำหนดให้บุคคลที่ได้รับหนังสืออนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยความรู้แบบแพทย์แผนจีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2543) เรื่อง การอนุญาตให้บุคคลทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีนและหนังสืออนุญาตนั้นไม่สิ้นอายุก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ให้ถือว่าบุคคล ดังกล่าวมีความรู้ในวิชาชีพตามมาตรา 11 และให้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนได้ แม้ว่าต่อมาจะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การอนุญาตให้บุคคลทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2552 ใช้บังคับโดยได้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2553) ฯ ก็ตาม แต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปี 2552 นี้ มิได้เป็นบุคคลที่มาตรา 12 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2552 บัญญัติรองรับ ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว

2. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้หารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 10) พิจารณาแล้วเห็นว่า หากกระทรวงสาธารณสุขประสงค์จะให้บทเฉพาะกาลดังกล่าวตามร่างมาตรา 12 ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลบังคับใช้ ต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2552 ก็ควรดำเนินการแก้ไขร่างมาตรา 12 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลของร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ เพื่อให้ผู้รับหนังสืออนุญาตตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2552 เป็นผู้มีคุณสมบัติตามร่างมาตรา 11 แห่งร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ดังกล่าวด้วย มิใช่ไปดำเนินการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2552 ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2543)

3. จึงเห็นควรให้ดำเนินการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาการแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2552

4. คณะกรรมการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 ได้พิจารณาและมีมติให้ความเห็นชอบกับร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ดังกล่าวแล้ว ในการประชุมครั้งที่ 4/2553 วันที่ 8 มิถุนายน 2553

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

กำหนดให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การขออนุญาตให้บุคคลทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีน พ.ศ. 2552 และหนังสืออนุญาตยังไม่สิ้นอายุในวันที่พระราชกฤษฎีกาฯ ใช้บังคับ ให้ถือว่ามีความรู้ในวิชาชีพตามมาตรา 11 และมีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะการแพทย์แผนจีนได้ (ร่างมาตรา 3)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 กันยายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ