การจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 22, 2010 14:58 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รายงานผลการดำเนินการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีคำสั่ง ที่ 188/2553 ลงวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2553 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) โดยมี นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นกรรมการ นางดนุชา ยินดีพิธ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นกรรมการและเลขานุการ และนางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ กรรมการและรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

2. การดำเนินการของคณะกรรมการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ซึ่งได้มีการประชุมหารือไปแล้ว จำนวน 5 ครั้ง ดังนี้

2.1 คณะกรรมการจำหน่ายกิจการฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2553 ได้พิจารณาประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้

1) เรื่องสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการถือครองวีซ่า และการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (Special Entry Visa) โดยที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ที่ปรึกษาที่จะทำการประเมินมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ทำการศึกษาแนวทางการให้สิทธิประโยชน์เกี่ยวกับการถือครองวีซ่า โดยให้วิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด และของประเทศ และนำเสนอคณะกรรมการฯพิจารณาอีกครั้ง หากจำเป็นต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบเงื่อนไขของโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ที่จะประกาศเชิญชวน

2) เรื่องการจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการประเมินมูลค่าราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยที่ประชุมมีมติ มอบหมายให้ ททท. ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยใช้งบของ ททท.

2.2 คณะกรรมการจำหน่ายกิจการฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ได้พิจารณาขั้นตอนการดำเนินงานการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) และร่างขอบเขตของงานที่จะจ้างที่ปรึกษา (TOR) โครงการวิเคราะห์ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบขั้นตอนการดำเนินงานฯ และเห็นชอบหลักการร่างขอบเขตของงานที่จะจ้างที่ปรึกษา (TOR) ดังกล่าว โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการแจ้ง ททท. ให้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาต่อไป

2.3 การประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 ได้พิจารณารายงานการศึกษาขั้นต้น (Inception report) โครงการวิเคราะห์ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานการศึกษาขั้นต้นฯ และให้บริษัทที่ปรึกษารับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ไปปรับแก้รายงานการศึกษาขั้นต้น เพื่อประกอบการศึกษาในรายงานฉบับต่อไป

2.4 การประชุมครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ได้พิจารณารายงานการศึกษาขั้นกลาง (Interim report) โครงการวิเคราะห์ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยที่ประชุมมีมติให้บริษัทที่ปรึกษารับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ไปปรับปรุงแก้ไข และมอบหมายให้ ททท. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้ความชัดเจนเรื่องของการให้สิทธิการถือครองวีซ่า และการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Special Entry Visa) แก่เอกชนที่จะมาดำเนินงานแทนบริษัท ฯ

2.5 การประชุมครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2553 ได้พิจารณารายงานการศึกษาขั้นกลาง (Interim report) โครงการวิเคราะห์ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท TPC โดยบริษัทที่ปรึกษาได้ดำเนินการแก้ไขรายงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การถือครองวีซ่า และการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (Special Entry Visa) และคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อกิจการ โดยที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ ททท. ดำเนินการเพื่อให้ได้ความชัดเจนในเรื่องของสิทธิประโยชน์การถือครองวีซ่าและการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (Special Entry Visa) ว่าเอกชนที่เข้ามาซื้อกิจการบริษัท TPC จะได้รับสิทธิดังกล่าวเช่นเดียวกับบริษัท TPC หรือไม่ หากไม่ได้รับจะต้องดำเนินการอย่างไร

3. การดำเนินการของ ททท.

3.1 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 ททท. ได้ลงนามสัญญาจ้างบริษัท เคทีบี แอดไวซ์เซอรี่ จำกัด (KTBA) เป็นที่ปรึกษาโครงการวิเคราะห์ ประเมินราคาทรัพย์สินและมูลค่ากิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เป็นเงิน 3,999,660 บาท (สามล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันหกร้อยหกสิบบาทถ้วน) ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาได้ส่งมอบงานงวดที่ 1 รายงานการศึกษาขั้นต้น (Inception report) ตามกำหนดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2553 และคณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการฯ ได้ตรวจรับรายงานเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2553 ส่วนการส่งมอบงานงวดที่ 2 รายงานการศึกษาขั้นกลาง (Interim report) บริษัทที่ปรึกษาได้ส่งมอบงานเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2553 ตามกำหนด แต่คณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการฯ ยังไม่ได้ตรวจรับรายงานเนื่องจากยังขาดความชัดเจนในเรื่องสิทธิประโยชน์การ ถือครองวีซ่าและการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ

3.2 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2553 ททท. ได้มีหนังสือที่ 5201/2970 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การถือครองวีซ่าและการอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (Special Entry Visa) หาก ททท. จำหน่ายกิจการให้บริษัทเอกชนไปดำเนินการ บริษัทเอกชนจะได้รับสิทธิประโยชน์การถือครองวีซ่าและ การอำนวยความสะดวกในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (Special Entry Visa) เหมือนกับบริษัท TPC หรือไม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวจากกระทรวงมหาดไทย

4. การดำเนินงานของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด

4.1 บริษัทฯ ไม่ได้รับสมาชิกเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 จนถึงปัจจุบัน โดยบริษัทฯ มีสมาชิกทั้งสิ้น 2,566 ราย ซึ่งแยกตามสัญชาติ 10 อันดับแรก ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา บังกลาเทศ สิงคโปร์ รัสเซีย ฮ่องกง และจีน

4.2 ผลประกอบการของบริษัท ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 ดังนี้

1) บริษัทฯ มีรายได้รวม 17.571 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม13.210 ล้านบาท ประกอบด้วยต้นทุนการใช้บริการสมาชิก 3.525 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 8.838 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 0.847 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการกำไรสุทธิ 1.361 ล้านบาท

2) บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 273.540 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 1,151.527 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น (877.987) ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการขาดทุนสะสม 1,377.987 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีเงินสดและเงินฝากสถาบันการเงิน 210.926 ล้านบาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 กันยายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ