เรื่อง ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การบริจาคภาษีเงินได้ตามมาตรา 58 และการจัดสรรเงินสนับสนุนสมทบ
แก่พรรคการเมืองตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550
คณะรัฐมนตรีรับทราบความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การบริจาคภาษีเงินได้ตามมาตรา 58 และการจัดสรรเงินสนับสนุนสมทบแก่พรรคการเมืองตามมาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ข้อเท็จจริง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า
1. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะดำเนินการจัดทำประกาศที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการปฏิบัติตามมาตรา 58 มาตรา 76 และมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการบริจาคภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและการจัดสรรเงินสนับสนุนสมทบแก่พรรคการเมือง และการให้พรรคการเมืองที่ได้รับเงินสนับสนุนต้องจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน
2. คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) พิจารณาแล้วเห็นว่า
2.1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้กรมสรรพากรโอนเงินบริจาคภาษีตามมาตรา 58 ให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อโอนเงินบริจาคนั้นต่อไปให้พรรคการเมืองที่ได้รับบริจาค เงินบริจาคตามมาตรา 58 ดังกล่าวจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 77 ซึ่งกำหนดให้พรรคการเมือง ที่ได้รับการสนับสนุนรายปีตามมาตรา 75 และเงินสนับสนุนสมทบตามมาตรา 76 ต้องจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 87 ดังนั้น พรรคการเมืองที่ได้รับเงินบริจาคภาษีตามมาตรา 58 จึงไม่ต้องจัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 87 การที่สำนักงานคณะกรมการการเลือกตั้งกำหนดเงื่อนไขในการที่พรรคการเมืองจะมาขอรับเงินบริจาคภาษีว่าพรรคเมืองต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 87 ก่อน กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจึงจะโอนเงินบริจาคให้แก่พรรคการเมืองนั้น จึงไม่น่าจะชอบด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฯ
2.2 ในกรณีที่พรรคการเมืองใดสิ้นสภาพ เลิก หรือยุบพรรคการเมืองก่อนที่กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจะโอนเงินบริจาคภาษีให้แก่พรรคการเมืองนั้น กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจึงต้องโอนเงินนั้นกลับคืนเป็นรายได้แผ่นดิน สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองไม่แสดงเจตนาขอรับเงินบริจาคภาษี ย่อมเกิดขึ้นมิได้เนื่องจากมาตรา 58 ได้กำหนดให้กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองโอนเงินบริจาคภาษีต่อให้พรรคการเมืองที่ได้รับบริจาค กองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจึงมีหน้าที่ต้องโอนเงินบริจาคนั้นให้แก่พรรคการเมืองซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในเงินบริจาคนั้น ในกรณีที่พรรคการเมืองโอนหรือส่งคืนเงินบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาการพรรคการเมือง ก็ต้องถือว่า เงินบริจาคนั้นเป็นเงินที่มีผู้มอบให้เพื่อสมทบกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองซึ่งต้องตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองตามมาตรา 73 (8) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กันยายน 2553--จบ--