เรื่อง มาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ
จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553 มอบหมายแล้ว และมีข้อเสนอเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อ ดังนี้
1. วงเงินดำเนินโครงการ : เห็นควรแยกวงเงินให้ชัดเจนระหว่างสินเชื่อตามโครงการราชประสงค์ฯ ที่ยังคงเหลืออยู่จำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นดังนี้
(1) สินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 วันที่ 25 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 8 มิถุนายน 2553 วงเงิน 3,000 ล้านบาท
(2) สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้ และมีกรมธรรม์ประกันภัย และอยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัยต่อศาล ซึ่งต้องการจะขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากที่ได้รับสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันตามข้อ (1) ไปแล้ว จะต้องเลือกขอสินเชื่อประเภทใดประเภทหนึ่งระหว่างสินเชื่อแบบมีหลักประกันตามข้อ (1) หรือสินเชื่อตามข้อ (2) ได้เพียงประเภทเดียวเท่านั้น
2. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามโครงการราชประสงค์เดิม วงเงิน 3,000 ล้านบาท : เห็นควรแก้ไขเรื่องกลุ่มเป้าหมาย และระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อ ดังนี้
(1) กลุ่มเป้าหมาย : เห็นควรแก้ไข จาก กำหนดว่าเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยยึดตามกรอบพื้นที่ที่คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมได้กำหนดไว้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด เป็น ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยยึดตามกรอบพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 7 เขต รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนคร หรืออยู่ในเขตพื้นที่ที่ถูกจำกัดการเข้าออก เช่น บริเวณกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
(2) ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ : เห็นควรแก้ไข จาก ธพว. ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อโดยเร็ว ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน เป็น กรณีการกู้แบบไม่มีหลักประกัน ธพว. ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน สำหรับกรณีการกู้แบบมีหลักประกันนั้น ให้ ธพว. พิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีการกู้แบบมีหลักประกันอาจต้องมีการประเมินราคาหลักประกัน และต้องมีการสำรวจกิจการของผู้ขอกู้และผู้ค้ำประกัน จึงอาจไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้
วงเงินสินเชื่อต่อราย กรณีการกู้แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ไม่เกิน 1 ล้านบาท กรณีการกู้แบบมีหลักประกัน : ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้กู้รายหนึ่งสามารถกู้ได้ทั้งแบบมีหลักประกันและแบบไม่มีหลักประกัน
โดยวงเงินสินเชื่อต่อรายรวมทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 4 ล้านบาท
วัตถุประสงค์การกู้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น 2 ปี ระยะเวลาการกู้ยืม ไม่เกิน 6 ปี ระยะเวลาดำเนินโครงการ สิ้นสุดวันรับคำขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินสินเชื่อของโครงการ อัตราดอกเบี้ย กรณี Clean Loan และกิจการถูกไฟไหม้
- วงเงิน 300,000 บาทแรก
ปีแรกไม่มีดอกเบี้ย
ปีที่ 2 — 6 ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
- วงเงินที่เกินจาก 300,000 บาทถึง 1 ล้านบาท
ปีที่ 1 — 6 ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
กรณี Clean Loan และกิจการไม่ถูกไฟไหม้
ปีที่ 1 — 6 ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี
กรณีการกู้แบบมีหลักประกัน
ปีที่ 1 — 6 ดอกเบี้ยร้อยละ MLR ลบ 3 ต่อปี
ทั้งนี้ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชดเชยดอกเบี้ย ให้ ธพว.
ร้อยละ 2 ต่อปี สำหรับสินเชื่อทั้งแบบที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ตลอดอายุโครงการ
หลักประกัน - กรณี Clean Loan : ไม่มีหลักประกัน
- กรณีการกู้แบบมีหลักประกัน : ให้สามารถเลือกใช้หลักประกันแนวทางใดแนวทางหนึ่ง
หรือหลายแนวทางร่วมกัน ดังนี้
(1) ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง สิ่งปลูกสร้าง อาคารชุด ห้องชุด เครื่องจักร อุปกรณ์
การรับโอนสิทธิการเช่าในอสังหาริมทรัพย์ของที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ โดยให้วงเงินกู้
สูงสุดไม่เกินร้อยละ 100 ของการรับราคาหลักประกันของธนาคาร หรือ
(2) บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หรือ
(3) การค้ำประกันไขว้ (Cross Guarantee)
การตรวจสอบข้อมูลเครดิต ผู้กู้และผู้ค้ำประกันต้องเป็นผู้ตรวจข้อมูลเครดิตเอง และต้องไม่มีปัญหาภาระหนี้ค้างชำระ สำหรับการกู้แบบมีหลักประกัน กับสถาบันการเงินใด ๆ เว้นแต่ได้ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว (ส่วนกรณีการกู้แบบไม่มีหลักประกัน
จะไม่มีการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง)
การบันทึกบัญชีของ ธพว. ให้ ธพว. แยกบันทึกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ (Public
Service Account : PSA) เพื่อขอรับการชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐบาล
3. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ดังนี้
กลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการ SMEs ในเขตพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 7 เขต
รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนคร ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยได้รับ
ความเสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวเนื่องกับเพลิงไหม้ และมีกรมธรรม์ประกันภัย แต่ยัง
ไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย และอยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัย
กับศาล และจะต้องไม่เป็นผู้ที่ขอกู้ยืมแบบมีหลักประกันตามข้อ 2.
วัตถุประสงค์การกู้ เพื่อใช้ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างสถานประกอบการ
ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ หรือความเสียหายที่เกี่ยวเนื่องจากเหตุเพลิงไหม้
วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกินร้อยละ 60 ของมูลค่าความเสียหายที่ประเมินโดยบริษัทประกันภัยหรือหน่วยงานอื่นที่เชื่อถือได้
หรือจำนวนเงินที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท
ต่อราย
ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น 2 ปี ระยะเวลาการกู้ยืม ไม่เกิน 6 ปี อัตราดอกเบี้ย ดอกเบี้ยร้อยละ MLR ลบ 3 ต่อปี ทั้งนี้ ให้ สสว. ชดเชยดอกเบี้ยให้ ธพว. ร้อยละ 2 ต่อปี
ตลอดอายุโครงการ
หลักประกัน ไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ธพว. ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว (เนื่องจาก ธพว. ต้องตรวจสอบมูลค่า
ความเสียหาย และมูลค่าการก่อสร้างเพื่อกำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง
จึงไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้) เงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ที่จะต้องมีการ 1. ในภายหลังเมื่อมีข้อยุติว่าบริษัทประกันภัยต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่
ดำเนินการหลังเบิกจ่ายเงินกู้แล้ว ผู้กู้ซึ่งเป็นผู้เอาประกันแล้ว หากผู้กู้ไม่ติดเงื่อนไขที่ต้องยกผลประโยชน์จากสินไหมให้กับสถาบันการเงิน (เป็นเงื่อนไขบังคับภายหลัง และหาก ที่เป็นเจ้าหนี้ก่อนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ หรือมีผลประโยชน์คงเหลือจากการชำระให้กับสถาบันการเงิน ผู้ไม่ดำเนินการตามที่ตกลง ธพว. อื่นๆ แล้ว ให้ผู้กู้นำผลประโยชน์ดังกล่าวหรือผลประโยชน์ที่เหลือมาชำระให้กับ ธพว. จะถือเป็นเหตุผิดสัญญา) 2. สำหรับการก่อสร้างใหม่ ผู้กู้ต้องมีการทำประกันภัยและยกผลประโยชน์ให้ ธพว. เป็นลำดับแรก
สำหรับหลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ในเรื่องอื่น ๆ ให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันกับสินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามโครงการราชประสงค์เดิม วงเงิน 3,000 ล้านบาท ดังนี้
ระยะเวลาดำเนินโครงการ สิ้นสุดวันรับคำขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินสินเชื่อของโครงการ การบันทึกบัญชีของ ธพว. ให้ ธพว. แยกบันทึกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ (Public Service
Account : PSA) เพื่อขอรับการชดเชยความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากรัฐบาล
การตรวจสอบข้อมูลเครดิต ผู้กู้ต้องเป็นผู้ตรวจข้อมูลเครดิตเอง และต้องไม่มีปัญหาหนี้ค้างชำระกับสถาบันการเงินใดๆ เว้นแต่ได้รับ
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว หรือมีข้อยุติเป็นทางการจากเจ้าหนี้แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กันยายน 2553--จบ--