ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 29, 2010 15:05 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553

คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 8/2553 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้

สาระสำคัญ

คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้มีการประชุมครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2553 เวลา 14.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมเดช สนิทวงศ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยได้พิจารณาเรื่อง การจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 และการประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา ดังนี้

1. การจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552

1.1 ขณะนี้ มีส่วนราชการเสนอโครงการเพื่อขอใช้เงินเหลือจ่ายจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงการคลังควรพิจารณาความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินกู้ในส่วนวงเงินเหลือจ่ายอย่างรอบคอบ เนื่องจาก ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวสู่สภาวะปกติแล้ว จึงควรใช้เงินเหลือจ่ายในการลงทุนโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงเท่านั้น และอาจพิจารณาใช้งบประมาณแผ่นดินสำหรับโครงการทั่วไปที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากนัก

1.2 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 ข้อ 27 กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ประสงค์จะเสนอโครงการเพิ่มเติม เสนอโครงการต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อพิจารณาและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ควรกำหนดขอบเขตเวลาที่ส่วนราชการจะสามารถขอขยายเวลาในการลงนามสัญญา หรือเสนอโครงการเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน

2. การประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา คณะกรรมการฯ มีความเห็นเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษา สรุปได้ดังนี้

2.1 จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษาในหลายกิจกรรมมีลักษณะเป็นการดำเนินงานระยะสั้น เช่น การจัดสรรอัตราจ้างครูวุฒิปริญญาตรีจำนวน 4,224 อัตรา และการจัดสรรอัตราจ้างผู้ปฏิบัติในโรงเรียนจำนวน 30,921 อัตราในโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ รวมถึงการจัดหาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในโครงการปัจจัยสนับสนุนการศึกษา ซึ่งเมื่อแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สิ้นสุดลงกระทรวงศึกษาธิการอาจขาดงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวในระยะต่อไป โดยเฉพาะการจ้างครูและการเช่าซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการว่างงานและกระทบต่อความยั่งยืนของโครงการได้ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน กระทรวงศึกษาธิการควรเตรียมแหล่งเงินรองรับ และกำหนดแนวทางดำเนินโครงการในระยะต่อไปด้วย

2.2 การมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สาขาการศึกษาประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาแนวทางการดำเนินการในระยะยาว โดยให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในชุมชน และอาจใช้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เป็นโครงการนำร่องเพื่อให้เกิดการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในอนาคตได้

3. สรุปมติคณะกรรมการฯ

3.1 กระทรวงการคลังควรพิจารณาความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินกู้ในส่วนวงเงินเหลือจ่ายอย่างรอบคอบ เนื่องจาก ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวสู่สภาวะปกติแล้ว จึงควรใช้เงินเหลือจ่ายในการลงทุนโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงเท่านั้น และอาจพิจารณาใช้งบประมาณแผ่นดินสำหรับโครงการทั่วไปที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากนัก รวมทั้งควรกำหนดขอบเขตเวลาที่ส่วนราชการจะสามารถขอขยายเวลาในการลงนามสัญญา หรือเสนอโครงการเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน

3.2 เห็นควรเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาในประเด็น ดังนี้

3.2.1 พิจารณากำหนดแนวทางดำเนินโครงการ และเตรียมจัดหาแหล่งเงินรองรับการดำเนินการภายหลังจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินโครงการในการยกระดับมาตรฐานการศึกษามีความต่อเนื่องและยั่งยืน

3.2.2 พิจารณากำหนดแนวทางการสร้างความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาร่วมกับชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในชุมชน ซึ่งจะทำให้การยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กันยายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ