สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 33

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 6, 2010 14:57 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 33 ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร สถานการณ์น้ำ และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปได้ดังนี้

สถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

สถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัย 10 จังหวัด ดังนี้

ช่วงวันที่ 30 กันยายน — 3 ตุลาคม 2553 ประสบภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดราชุบรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสาคร

1. จังหวัดราชบุรี สถานการณ์น้ำท่วมขัง ในพื้นที่อำเภอเมือง 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลอ่างทอง เขาแร้ง หนองกลางนา ห้วยไผ่ หินกอง และเกาะพลับพลา อำเภอสวนผึ้ง 2 ตำบล คือ ตำบลสวนผึ้ง ตะนาวศรี อำเภอปากท่อ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลทุ่งหลวง อ่างหิน ห้วยยางโทน หนองกระทุ่ม ปอกระดาน และป่าไก่ อำเภอจอมบึง 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลรางบัว ปากช่อง แก้มอ้น เบิกไพร จอมบึง และด่านทับตะโก

2. จังหวัดเพชรบุรี สถานการณ์น้ำท่วมขัง ในพื้นที่อำเภอท่ายาง 1 ตำบล คือ ตำบลกลัดหลวง อำเภอเขาย้อย 1 ตำบล คือ ตำบลทับคาง อำเภอบ้านลาด 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลถ้ำรงค์ และไร่มะขาม อำเภอเมือง 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลไร่ส้ม บ้านหม้อ หัวสะพาน

3. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สถานการณ์น้ำท่วมขัง ในพื้นที่อำเภอหัวหิน อำเภอกุยบุรี และอำเภอสามร้อยยอด

4. จังหวัดสมุทรสาคร สถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและน้ำทะเลหนุน ในพื้นที่อำเภอเมือง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางน้ำจืด และนาดี อำเภอกระทุ่มแบน

ช่วงวันที่ 10 กันยายน — 3 ตุลาคม 2553 ยังมีสถานการณ์อุทกภัย จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

1. จังหวัดสุโขทัย สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ในพื้นที่ตำบลกง อำเภอกงไกลาศ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 1.30 ถึง2.00 เมตร

2. จังหวัดพิษณุโลก สถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่อำเภอบางระกำ น้ำล้นตลิ่ง 199 เมตร แนวโน้มระดับน้ำลดลง

3. จังหวัดพิจิตร สถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่อำเภอสามง่าม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามง่าม กำแพงดิน รังนก เนินปอโพธิ์ประทับช้าง 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง วังจิก ไผ่ท่าโพ ไผ่รอบ บึงนางราง 1 ตำบล คือ ตำบลบางลาย โพทะเล 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลโพทะเล ท่าเสา ทะนง ท้ายน้ำ ท่าขมิ้น แนวโน้มระดับน้ำลดลง

4. จังหวัดสิงห์บุรี สถานการณ์น้ำขัง ในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี 6 ตำบล 1 เทศบาล ได้แก่ ตำบลท่างาม น้ำตาล ประศุก ทับยา อินทร์บุรี ชีน้ำราย เทศบาลตำบลอินทร์บุรี แนวโน้มระดับน้ำลดลง

5. จังหวัดอ่างทอง สถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่อำเภอป่าโมก 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลโผงเผง บางเสด็จ แนวโน้มระดับน้ำลดลง

6. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานการณ์น้ำท่วมขัง ในพื้นที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอมหาราช อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล แนวโน้มระดับน้ำลดลง

สถานการณ์น้ำ

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (4 ตุลาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 49,497 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน(48,144 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 1,353 ล้านลูกบาศก์เมตร(ปริมาณน้ำใช้การได้ 25,656 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (55,222 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 75) จำนวน 5,725 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 24,058 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (4 ตุลาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 46,496 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน(45,206 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 1,290 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำใช้การได้ 22,973 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (52,115 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 75) จำนวน 5,619 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 23,099 ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย และป่าสักฯ

                                                                                  หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ   ม.ค.-เม.ย.   พ.ค.-ส.ค.       ก.ย.        1-4 ต.ค.        รวม             เฉลี่ย        ผลต่างปี53
                                                               1 ม.ค.-4 ต.ค.   1 ม.ค.- 4 ต.ค.   กับค่าเฉลี่ย
1.ภูมิพล          58.78    1,270.65   1,509.77          178.67     3,017.87         3,841.62       -823.75
2.สิริกิติ์          389.4    3,071.75   1,855.85          116.62     5,433.62         4,722.41        711.21
ภูมิพล+สิริกิติ์      448.18    4,342.40   3,365.62          295.29     8,451.49         8,564.03       -112.54
3.แควน้อย       113.72         344     470.22           48.34       976.28         1,346.10       -369.82
4.ป่าสัก          75.75      438.77   1,038.51          116.49     1,669.52         1,456.11        213.41
รวม 4 อ่าง      637.65    5,125.17   4,874.35          460.12    11,097.29        11,366.24       -268.95

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์

                                                                              หน่วย : ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่างเก็บน้ำ        ปริมาตรน้ำ        ปริมาตรน้ำ     ปริมาตรน้ำ           ปริมาณน้ำ         ปริมาณน้ำ    ปริมาณน้ำ
                ในอ่างปี52       ในอ่างปี 53     ใช้การได้           ไหลลงอ่าง          ระบาย      รับได้อีก
            ปริมาตรน้ำ   %    ปริมาตรน้ำ   %   ปริมาตรน้ำ    %      วันนี้  เมื่อวาน      วันนี้ เมื่อวาน
ภูมิพล           8,081  60       6,595  49      2,795   21    31.36   35.84        2      2    6,867
สิริกิติ์           5,852  62       7,481  79      4,631   49    20.43   26.74     3.54   2.94    2,029
ภูมิพล+สิริกิติ์     13,933  61      14,076  61      7,426   32    51.79   62.58     5.54   4.94    8,896
แควน้อยฯ          353  46         704  92        668   87    11.66   12.33    11.23  11.23       65
ป่าสักชลสิทธิ์        881  92         885  92        882   92    34.69   29.47    18.63  13.25       75
รวม 4 อ่างฯ    15,167  65      15,665  76      8,976   76    98.14  104.38     35.4  29.42    9,036

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 1 อ่าง ได้แก่ ปราณบุรี(28)

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 12 อ่าง คือ

1. แม่งัดฯ ปริมาณน้ำ 247 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 93 สามารถรับน้ำได้อีก 18 ล้านลูกบาศก์เมตร

2. กิ่วคอหมา ปริมาณน้ำ 171 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 101

3. แควน้อยฯ ปริมาณน้ำ 704 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 92 สามารถรับน้ำได้อีก 65 ล้านลูกบาศก์เมตร

4. ห้วยหลวง ปริมาณน้ำ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 102

5. จุฬาภรณ์ ปริมาณน้ำ 134 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 82 สามารถรับน้ำได้อีก 30 ล้านลูกบาศก์เมตร

6. อุบลรัตน์ ปริมาณน้ำ 2,089 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 สามารถรับน้ำได้อีก 343 ล้านลูกบาศก์เมตร

7. ลำปาว ปริมาณน้ำ 1,310 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 92 สามารถรับน้ำได้อีก 120 ล้านลูกบาศก์เมตร

8. ลำพระเพลิง ปริมาณน้ำ 117 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 106

9. ป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำ 885 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 92 สามารถรับน้ำได้อีก 75 ล้านลูกบาศก์เมตร

10.กระเสียว ปริมาณน้ำ 271 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 113

11.หนองปลาไหล ปริมาณน้ำ 160 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 98 สามารถรับน้ำได้อีก 4 ล้านลูกบาศก์เมตร

12.ประแสร์ ปริมาณน้ำ 223 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 25 ล้านลูกบาศก์เมตร

2. สภาพน้ำท่า

ปริมาณน้ำในลำน้ำต่างๆ ตามสถานีสำรวจปริมาณน้ำท่า กรมชลประทาน พบว่ามีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้น แม่น้ำยม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก (น้ำท่วม) แม่น้ำน่าน อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ (น้ำมาก) แม่น้ำมูล อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์(น้ำมาก) อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี(น้ำมาก)

ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 1,759 ลบ.ม./วินาที (ลดลงจากเมื่อวาน 46 ลบ.ม./วินาที)

ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,742 ลบ.ม./วินาที (ลดลงจากเมื่อวาน 13 ลบ.ม./วินาที)

รับน้ำเข้าระบบส่งน้ำทุ่งฝั่งตะวันออก 179 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 2 ลบ.ม./วินาที) และทุ่งฝั่งตะวันตก 180 ลบ.ม./วินาที (เท่ากับเมื่อวาน)

ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก 238 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 73 ลบ.ม./วินาที)

การดำเนินการตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

1. แจ้งเตือนผ่านศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัด

“ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน” ช่วงวันที่ 1-4 ตุลาคม 2553 ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาหรือที่ราบลุ่มทางน้ำไหลใกล้แม่น้ำ โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ อ่าวไทย และภาคตะวันออก ซึ่งจะทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

“เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล” ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โดยให้ใช้สารเคมีและวิธีปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

2. สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ได้เตรียมการไว้ จำนวน 1,200 เครื่อง สนับสนุนแล้วจำนวน 870 เครื่อง (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 15 เครื่อง) ในพื้นที่ 59 จังหวัด(เท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา) ดังนี้

ภาคเหนือ 16 จังหวัด จำนวน 213 เครื่อง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่(35) นครสวรรค์(1) เพชรบูรณ์ (2) ลำปาง(34) น่าน(12) พิษณุโลก(20) แพร่(16) ตาก(16) ลำพูน(17) พะเยา(6) แม่ฮ่องสอน(18) เชียงราย(3) อุตรดิตถ์ (5) สุโขทัย(12) กำแพงเพชร(10) พิจิตร(6)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 272 เครื่อง ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา(47) ขอนแก่น (20) มหาสารคาม(17) ร้อยเอ็ด(32) กาฬสินธุ์(45) อุบลราชธานี(6) นครพนม(14) มุกดาหาร(11) ชัยภูมิ(9) อำนาจเจริญ (14) สุรินทร์(7) ศรีสะเกษ(11) อุดรธานี(5) สกลนคร(9) ยโสธร(12) บุรีรัมย์(9) หนองคาย(4)

ภาคกลาง 14 จังหวัด จำนวน 238 เครื่อง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท(12) พระนครศรีอยุธยา(12) สิงห์บุรี (10) นนทบุรี(7) ปทุมธานี(11) นครปฐม(8) ลพบุรี(19) สุพรรณบุรี(85) สระบุรี(8) ราชบุรี(30) อุทัยธานี(15) อ่างทอง (12) กาญจนบุรี(7) กรุงเทพฯ(2)

ภาคตะวันออก 4 จังหวัด จำนวน 55 เครื่อง ได้แก่ จังหวัดนครนายก(15) ปราจีนบุรี(16) ฉะเชิงเทรา (16) ระยอง (8)

ภาคใต้ 8 จังหวัด จำนวน 92 เครื่อง ได้แก่ จังหวัด เพชรบุรี(39) นครศรีธรรมราช (19) พังงา(1) สงขลา (14) ยะลา(6) พัทลุง(2) ปัตตานี(3) ชุมพร(8)

3. สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ จำนวน 118,540 กิโลกรัม แร่ธาตุและเวชภัณฑ์ 396 ชุด และดูแลสุขภาพสัตว์ 42,077 ตัว (เท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา) ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ น่าน เชียงราย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พระนครศรีอยุธยา

ผลกระทบด้านการเกษตร

อุทกภัย ช่วงภัยวันที่ 1 สิงหาคม — 30 กันยายน 2553 (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ต.ค. 2553)

ประสบภัยด้านการเกษตร 53 จังหวัด ได้แก่

ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี

ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชัยนาท นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง

ภาคตะวันตก 4 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี

ภาคตะวันออก 6 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี

ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ ระนอง

คาดว่าจะเสียหาย

ด้านพืช 52 จังหวัด เกษตรกร 264,357 ราย พื้นที่ 2,306,728 ไร่ แยกเป็น ข้าว 2,061,588 พืชไร่ 221,133 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 24,007 ไร่

ด้านประมง 38 จังหวัด เกษตรกร 27,690 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 28,609 ไร่ และกระชังเลี้ยงสัตว์น้ำ 10,670 ตารางเมตร

ด้านปศุสัตว์ 26 จังหวัด เกษตรกร 27,537 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 1,203,327 ตัว และแปลงหญ้า 71.25 ไร่

ภาค                     ด้านพืช                 ด้านประมง                        ด้านปศุสัตว์
               เกษตรกร     คาดว่าจะ    เกษตรกร     คาดว่าจะเสียหาย     เกษตรกร    สัตว์ได้รับ     แปลงหญ้า
                            เสียหาย                                             ผลกระทบ
                   ราย          ไร่        ราย       ไร่     ตรม.         ราย         ตัว          ไร่
เหนือ            98,344     962,831      8,166    7,488      993      24,406  1,054,646       30.75
ต.อ.เฉียงเหนือ   126,424     906,075     18,229   17,919    1,639       4,715    114,935           -
กลาง            28,950     283,973        833    1,357      525       1,215     33,746        40.5
ตะวันตก           6,564      98,387         85       75    7,513           -          -           -
ตะวันออก          4,060      55,445        377    1,770        -           -          -           -
ใต้                  15          17          -        -        -           -          -           -
รวม            264,357   2,306,728     27,690   28,609   10,670      27,537  1,203,327       71.25

การดำเนินการ

การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ด้านพืช ช่วยเหลือแล้วบางส่วนด้วยงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบทดรองราชการในอำนาจอำเภอและจังหวัด จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน ลำปาง เชียงราย ตราด และชลบุรี เกษตรกร 6,065 ราย พื้นที่เสียหาย 14,283 ไร่ เป็นเงิน 10,180,051 บาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 ตุลาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ