(ต่อ2) ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ....

ข่าวการเมือง Tuesday August 28, 2007 15:51 —สภาร่างรัฐธรรมนูญ

(๕) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๓ มาตรา ๖๒ หรือมาตรา ๖๔
มาตรา ๘๐ เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจาก
คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองว่า พรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๗๙ ให้นายทะเบียน
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยหลักฐาน เมื่ออัยการ
สูงสุดได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการ
สูงสุดเห็นสมควรก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าอัยการ
สูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนจาก
นายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้
อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป ในกรณีที่คณะทำงานดังกล่าวไม่อาจหาข้อยุติ
เกี่ยวกับการดำเนินการยื่นคำร้องได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่แต่งตั้งคณะทำงาน ให้นายทะเบียน
โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจยื่นคำร้องเอง
หากนายทะเบียนเห็นสมควรจะให้ระงับการดำเนินการของพรรคการเมืองซึ่งกระทำ
การตามมาตรา ๗๙ ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการ
สูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งระงับการกระทำดังกล่าวของพรรคการเมืองไว้เป็นการชั่วคราว
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใดแล้ว ให้นายทะเบียนประกาศ
คำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานุเบกษา และห้ามมิให้บุคคลใดใช้ชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพ
เครื่องหมายพรรคการเมืองซ้ำ หรือพ้องหรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับชื่อ ชื่อย่อ หรือภาพเครื่องหมาย
พรรคการเมืองที่ถูกยุบนั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ในการดำเนินกิจการทางการเมืองหรือประโยชน์
อื่นใดในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังมิได้ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำสั่ง
ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
มาตรา ๘๑ ในกรณีที่พรรคการเมืองเลิกตามมาตรา ๗๗ นอกจากกรณี
ตามมาตรา ๗๗ (๔) หรือยุบตามมาตรา ๗๘ หรือมาตรา ๗๙ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองส่งบัญชี
และงบดุลรวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองต่อนายทะเบียนภายในสิบห้าวันนับแต่
วันที่พรรคการเมืองเลิกหรือยุบ และให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายใน
หกเดือนนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน ถ้าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินชำระบัญชีไม่เสร็จภายใน
เวลาดังกล่าวให้ขอขยายเวลาได้อีกไม่เกินหกเดือน
ในการชำระบัญชี เมื่อได้หักหนี้สินและค่าใช้จ่ายแล้วยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้
โอนให้แก่องค์การสาธารณกุศลตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับพรรคการเมือง ถ้าในข้อบังคับพรรคการเมือง
ไม่ได้ระบุไว้ให้ทรัพย์สินที่เหลือนั้นตกเป็นของกองทุน
ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๓ ลักษณะ ๒๒
หมวด ๕ ว่าด้วยการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด มาใช้บังคับ
กับการชำระบัญชีของพรรคการเมืองโดยอนุโลม
มาตรา ๘๒ ในกรณีที่พรรคการเมืองต้องยุบเพราะเหตุตามมาตรา ๗๘ (๒)
หรือตามมาตรา ๗๙ ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ต้องยุบไปจะขอจัดตั้ง
พรรคการเมืองขึ้นใหม่ เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง
มีส่วนร่วมในการขอจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ตามมาตรา ๘ อีกไม่ได้ ทั้งนี้ ภายในกำหนดห้าปี
นับแต่วันที่พรรคการเมืองนั้นต้องยุบไป
มาตรา ๘๓ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองใดเพราะเหตุตาม
มาตรา ๗๘ (๒) หรือมาตรา ๗๙ และปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมืองหรือ
กรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนร่วม รู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำ
ตามมาตราดังกล่าวแล้วมิได้ยับยั้ง หรือแก้ไขการกระทำดังกล่าว ให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิ
เลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น มีกำหนดเวลาห้าปี
นับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง
หมวด ๕
การควบรวมพรรคการเมือง
มาตรา ๘๔ ในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะมีการควบรวมพรรคการเมือง
ที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมิได้
มาตรา ๘๕ การควบรวมพรรคการเมืองอาจเป็นการรวมกันเพื่อจัดตั้งเป็นพรรค
การเมืองใหม่ หรืออาจเป็นการรวมเข้าเป็นพรรคเดียวกับพรรคการเมืองที่เป็นหลักก็ได้
มาตรา ๘๖ ในกรณีที่การควบรวมพรรคการเมืองเป็นการรวมกันเพื่อจัดตั้งเป็น
พรรคการเมืองใหม่ ให้พรรคการเมืองที่จะรวมกันขอความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของแต่ละ
พรรคการเมือง
เมื่อที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองเห็นชอบให้รวมกันแล้ว ให้หัวหน้าพรรค
การเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองจำนวนพรรคการเมืองละสิบคนประชุมร่วมกันเพื่อกระทำ
การเกี่ยวกับพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ดังนี้
(๑) กำหนดนโยบายของพรรคการเมือง
(๒) กำหนดข้อบังคับของพรรคการเมือง
เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคสองแล้ว ให้ดำเนินการจัดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง
สมาชิกของทุกพรรคการเมืองที่จะรวมกันเพื่อประชุมตั้งพรรคการเมืองตามมาตรา ๑๔
การเรียกประชุมตั้งพรรคการเมืองต้องแจ้งให้สมาชิกของพรรคการเมืองที่จะรวมกันทราบก่อนวัน
ประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และให้ดำเนินการต่อไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งพรรคการเมือง
มาตรา ๘๗ เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนพรรคการเมืองตามมาตรา ๘๖ แล้ว
ให้นายทะเบียนดำเนินการตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง เพื่อมีคำสั่งให้พรรคการเมืองที่รวมเข้ากัน
เป็นอันเลิกไป โดยให้สมาชิกพรรคการเมืองเดิมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ที่จัดตั้งขึ้น และ
ให้บรรดาทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิและความรับผิดของพรรคการเมืองเดิมโอนไปเป็นของพรรค
การเมืองใหม่ตั้งแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่ง
ในกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้นายทะเบียน
ประกาศคำสั่งการเลิกและการรวมพรรคการเมืองในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๘๘ ในกรณีที่การควบรวมพรรคการเมืองเป็นการรวมพรรคการเมือง
หนึ่งหรือหลายพรรคการเมืองเข้าเป็นพรรคการเมืองเดียวกันกับอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นหลัก
ให้พรรคการเมืองที่จะรวมกันขอความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมือง
เมื่อที่ประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคการเมืองเห็นชอบให้รวมกันแล้ว ให้หัวหน้า
พรรคการเมืองที่จะรวมกันทุกพรรคการเมืองร่วมกันแจ้งการรวมพรรคการเมืองต่อนายทะเบียน
และให้นายทะเบียนดำเนินการตามมาตรา ๗๗ วรรคสอง เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่ง
ให้พรรคการเมืองที่รวมเข้ากับอีกพรรคการเมืองที่เป็นหลักนั้นเลิกไปนับแต่วันที่คณะกรรมการ
การเลือกตั้งมีคำสั่งและให้นำมาตรา ๘๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
หมวด ๖
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๘๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนซึ่งสั่งตามมาตรา ๗
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา ๙๐ ผู้ใดโดยเจตนาสมคบกันตั้งแต่สิบห้าคนขึ้นไปดำเนินกิจการเช่นเดียว
กับพรรคการเมืองหรือเข้าลักษณะเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙๑ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง
มาตรา ๒๗ วรรคห้า มาตรา ๓๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๑ วรรคหนึ่ง
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท และปรับอีกไม่เกินวันละห้าร้อยบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้
ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๙๒ กรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือกรรมการสาขาพรรคการเมือง
ผู้ใดรู้อยู่แล้วแต่จัดให้พรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๒๘ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
มีกำหนดห้าปี
มาตรา ๙๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๘ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าผู้ฝ่าฝืนใดไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งเพิกถอนสัญชาติไทย และเนรเทศออกนอกราชอาณาจักรด้วย
มาตรา ๙๔ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๘ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๙ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
ในกรณีที่ผู้ฝ่าฝืนเป็นพรรคการเมืองต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๙๖ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับ
ไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
มาตรา ๙๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา ๙๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึง
หนึ่งแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละห้าร้อยบาทตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๙๙ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนซึ่งสั่ง
ตามมาตรา ๒๔ วรรคสาม หรือมาตรา ๒๖ วรรคห้า หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๒ หรือมาตรา ๗๔
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๐๐ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๖ วรรคสี่ หรือ
มาตรา ๔๗ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
มาตรา ๑๐๑ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดแอบอ้างชื่อผู้ใดเพื่อเข้าเป็นสมาชิกพรรค
ของตนตามมาตรา ๒๖ วรรคสอง หรือจัดทำทะเบียนสมาชิกอันเป็นเท็จตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐๒ กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง
หรือเจ้าหน้าที่อื่นของพรรคการเมืองผู้ใดช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก
วุฒิสภาตามมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ
พรรคการเมืองใดช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ตามมาตรา ๔๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๑๐๓ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือประธานสาขาพรรคการเมือง
ผู้ใดไม่จัดให้มีการทำบัญชีของพรรคการเมืองหรือสาขาพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี ตามมาตรา ๔๔
หรือจัดให้มีการทำบัญชีของพรรคการเมืองหรือสาขาพรรคการเมืองโดยละเว้นการลงรายการในบัญชี
ลงรายการเท็จในบัญชี แก้ไขบัญชี ซ่อนเร้นหรือทำหลักฐานในการลงบัญชีอันจะเป็นผลให้การแสดง
ที่มาของรายได้และการใช้จ่ายของพรรคการเมืองไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๔๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๐๔ หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใด
ไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทและปรับอีกไม่เกินวันละห้าร้อยบาท
ตลอดเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๑๐๕ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๔๑
มาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐๖ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๔ หรือมาตรา ๕๕ หรือมาตรา ๕๖ หรือ
มาตรา ๖๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่น้อยกว่าสามเท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่พรรคการเมือง หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
มีกำหนดห้าปี
มาตรา ๑๐๗ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๘ หรือมาตรา ๖๐
หรือมาตรา ๖๗ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๐๘ หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขา
พรรคการเมือง หรือสมาชิกผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๙ ต้องระวางโทษปรับไม่น้อยกว่าสองเท่า
แต่ไม่เกินสี่เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับบริจาค
มาตรา ๑๐๙ หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขา
พรรคการเมือง หรือสมาชิกผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๖๒ หรือมาตรา ๖๓วรรคสาม หรือมาตรา ๖๔
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
มาตรา ๑๑๐ ผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๖๓ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ต้องระวาง
โทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ
ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมีกำหนดห้าปี
มาตรา ๑๑๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖๕ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าผู้ฝ่าฝืนใดไม่มีสัญชาติไทยให้รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยสั่งเนรเทศออกนอกราชอาณาจักรด้วย
มาตรา ๑๑๒ นิติบุคคลใดฝ่าฝืนมาตรา ๖๖ ต้องระวางโทษปรับไม่น้อยกว่าสามเท่า
ของจำนวนเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่บริจาคให้แก่พรรคการเมือง
มาตรา ๑๑๓ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘๐ วรรคสาม หรือมาตรา ๘๒ ต้องระวางโทษจำคุก
ไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๑๑๔ ให้พรรคการเมืองซึ่งจดทะเบียนพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติ
พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๒๔ และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ในกรณีที่พรรคการเมืองที่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๔ และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๔๑
พรรคใดยังมิได้ดำเนินการให้มีสมาชิกไม่น้อยกว่าห้าพันคนตามมาตรา ๘ ให้พรรคการเมืองพรรคนั้น
ดำเนินการให้ครบถ้วนตามมาตรา ๘ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ
มาตรา ๑๑๕ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ใช้บังคับ ให้นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้พรรคการเมืองตามมาตรา ๑๑๔ และพรรคการเมืองซึ่ง
นายทะเบียนได้รับแจ้งการจัดตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
พ.ศ. ๒๕๔๑ อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ดำเนินการจัดให้มีการ
ประชุมใหญ่เพื่อกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง ข้อบังคับของพรรคการเมือง หรือเลือกตั้ง
กรรมการบริหารพรรคการเมือง แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘
มาตรา ๑๙ หรือมาตรา ๓๓ รวมทั้งดำเนินการอื่นใดให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
นี้ และให้พรรคการเมืองดังกล่าวดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนให้แล้วเสร็จภายใน
หนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากนายทะเบียน
เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้หัวหน้าพรรคการเมืองแจ้งนายทะเบียน
ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่ดำเนินการเสร็จ ทั้งนี้ ให้นำมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒
มาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๑๖ ในกรณีที่พรรคการเมืองใดตามมาตรา ๑๑๔ ไม่ดำเนินการให้ครบถ้วน
ตามมาตรา ๑๑๔ วรรคสอง ให้พรรคการเมืองนั้นเป็นอันเลิกไป และให้นายทะเบียนดำเนินการตาม
มาตรา ๗๗ วรรคสอง
มาตรา ๑๑๗ ในกรณีที่ผู้ใดเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่าหนึ่งพรรคการเมือง
ก่อนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลง
ทุกพรรคตามมาตรา ๒๗
มาตรา ๑๑๘ ให้พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรเงินตามโครงการและแผนงาน
ประจำปี ๒๕๕๐ จากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ยังคงดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะ
เวลาที่กำหนด และดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้บัญญัติไว้
มาตรา ๑๑๙ พรรคการเมืองใดมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นที่ใช้อำนาจ
เช่นเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมืองนั้นก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
นี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นถูกยุบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
.......................................
.......................................

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ