กรุงเทพ--26 พ.ค.--ศูนย์ข่าว ส.ส.ร.
นายแก้วสรร อติโพธิ รองประธานคณะกรรมาธิการประชาสัมพันธ์ สภาร่างรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานวุฒิสภาออกมาระบุว่าหลังการแปรญัตติและได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์อาจจะผิดคาดถึงกับช็อคได้นั้น ไม่ทราบว่านายมีชัยไปเรียนวิชาหมอดูจากที่ไหนมา หรือมีกำลังภายในติดต่อกับ ส.ส.ร. คนไหนได้ เพราะร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ของ ส.ส.ร. ได้ผ่านวาระแรกและปัจจุบันอยู่ในขั้นรับฟังความคิดเห็นช่วงประชาพิจารณ์ ดังนั้นไม่ว่าวุฒิสมาชิก ชาวบ้าน หรือพรรคการเมือง ก็ถือเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสามารถแสดงความเห็นมาได้ แต่เป็นเสรีภาพของ ส.ส.ร. แต่ละคนที่จะแปรญัตติ โดยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงก็ย่อมมีแต่จะถือเสียงสะท้อนของประชาชนเป็นตัวกำหนดการแปรญัตติของ ส.ส.ร. หาก ส.ส.ร. แปรญัตติไม่ดีหรือยกมือสวนกระแสความต้องการก็อาจมีปัญหา ดังนั้นโอกาสจึงอยู่ที่ประชาชนซึ่งระหว่างนี้ถือเป็นเสรีภาพ และความรับผิดชอบของ ส.ส.ร.
ผู้สื่อข่าวถามว่านายมีชัยเป็นห่วงหลังจากแปรญัตติแล้วเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ จะเปลี่ยนแปลงไปมาก นายแก้วสรรกล่าวว่าใครจะคาดคะเนหรือคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนสิ่งที่ ส.ส.ร. ต้องการขณะนี้คือความเห็นและเหตุผล ซึ่งที่ประธานวุฒิสภาเสนอหลายเรื่องที่ดี ส.ส.ร. ก็รับฟังบางเรื่องที่เห็นไปอีกแนวหนึ่ง และเมื่อถึงขั้นที่สมาชิกรัฐสภาจะโหวตก็ถือเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส. และวุฒิสมาชิก ส.ส.ร. ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย หลังจากนั้นประชาชนจะตัดสินเอง ฉะนั้นช่วงนี้อยากขอร้องว่าขอให้เป็นไปตามขั้นตอนในการร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่ว่ามีความพยามที่จะทำให้เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนไม่ควรคิดมากแต่ต้องนำเหตุผลความคิดมาพูดกันเพราะต้องการบรรยากาศที่ดี และการออกไปทำประชาพิจารณ์นั้น นายแก้วสรรยืนยันไม่ใช่การออกไปทำโพลเพื่อให้ประชาชนยกมือว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่ต้องการไปรับฟังความต้องการของประชาชนว่ามีอะไร เช่น ขณะนี้ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ในระบบปาร์ตี้ลิส เนื่องจากประชาชนเห็นว่าเลือกไม่ไหวในจำนวน 150 คน จากระบบบัญชีเดียว จากการศึกษาดูตนก็เห็นด้วย และน่าจะเป็นการแบ่งเขตเป็นภาคประชาชนแต่ละภาค จะได้ดูออกว่าใครเป็นคนดีในระดับภาคนั้นๆ ถ้าไม่แบ่งเป็นเขตและภาคในระบบปาร์ตี้ลิส ก็จะได้แต่คนกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้การเป็นผู้แทนก็จะน้อยลงเกิดความเจือจาง
"ตอนนี้ขอให้ใจเย็นๆ ขอให้ใช้องค์การเป็นที่ตัดสินข้อพิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดาถือเป็นนิสัยของคน ใครจะพูดอย่างไรก็เชิญตามสบาย แต่หากต้องการให้บ้านเมืองลงเอยด้วย ความมีสาระก็ต้องใช้เหตุผลพูดกัน"
รองประธานคณะกรรมาธิการประชาสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของศาลสิ่งที่กลัวคือ การแบ่งแยกอำนาจแล้วเกิดความไม่มีอิสระ หากศาลไม่เป็นอิสระการตรวจสอบก็จะไม่ดี จึงต้องดูว่าแต่ละศาลมีความเป็นอิสระหรือไม่ หากไม่เป็นก็ถือว่า ส.ส.ร. ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะทำลายระบบศาล แต่ต้องแยกให้ออกว่าความอิสระคืออะไร ไม่ควรจะบอกว่าควรมีศาลหรือไม่ และควรจะเสนอเหตุผลเพื่อมาหารือกันโดยไม่มองที่ตัวบุคคลแต่ควรมองที่ปัญหา วันนี้ไม่ใช่เรื่องการทำลายหรือไม่ทำลาย อย่าไปมองที่ตัวเองแล้วมาบอกว่า ส.ส.ร. กำลังทำลายระบบของตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่ควรให้มีการตรวจสอบระบบการทำงานของศาล นายแก้วสรร กล่าว หากเป็นเรื่องอิสระของการพิพากษาควรจะมี แต่ถ้าเป็นเรื่องอิสระที่จะทำความผิดก็คงปล่อยไว้ไม่ได้ แต่ควรตั้งระบบควบคุมเช่นอำนาจของรัฐสภา สามารถถอดถอนผู้พิพากษาหากทำการทุจริตได้เพราะถือเป็นอำนาจของประชาชน เช่น เรื่องการรับสินบน ต้องแยกให้ออกว่าในความเป็นอิสระ ของการทำงานงานไม่ใช่อิสระของการทำชั่ว หรือทำการทุจริต ไม่ว่าเป็น ส.ส. วุฒิสมาชิกหรือศาลถ้ากระทำผิดก็สามารถถอดถอนได้--จบ--
นายแก้วสรร อติโพธิ รองประธานคณะกรรมาธิการประชาสัมพันธ์ สภาร่างรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานวุฒิสภาออกมาระบุว่าหลังการแปรญัตติและได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์อาจจะผิดคาดถึงกับช็อคได้นั้น ไม่ทราบว่านายมีชัยไปเรียนวิชาหมอดูจากที่ไหนมา หรือมีกำลังภายในติดต่อกับ ส.ส.ร. คนไหนได้ เพราะร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ของ ส.ส.ร. ได้ผ่านวาระแรกและปัจจุบันอยู่ในขั้นรับฟังความคิดเห็นช่วงประชาพิจารณ์ ดังนั้นไม่ว่าวุฒิสมาชิก ชาวบ้าน หรือพรรคการเมือง ก็ถือเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสามารถแสดงความเห็นมาได้ แต่เป็นเสรีภาพของ ส.ส.ร. แต่ละคนที่จะแปรญัตติ โดยโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงก็ย่อมมีแต่จะถือเสียงสะท้อนของประชาชนเป็นตัวกำหนดการแปรญัตติของ ส.ส.ร. หาก ส.ส.ร. แปรญัตติไม่ดีหรือยกมือสวนกระแสความต้องการก็อาจมีปัญหา ดังนั้นโอกาสจึงอยู่ที่ประชาชนซึ่งระหว่างนี้ถือเป็นเสรีภาพ และความรับผิดชอบของ ส.ส.ร.
ผู้สื่อข่าวถามว่านายมีชัยเป็นห่วงหลังจากแปรญัตติแล้วเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ จะเปลี่ยนแปลงไปมาก นายแก้วสรรกล่าวว่าใครจะคาดคะเนหรือคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนสิ่งที่ ส.ส.ร. ต้องการขณะนี้คือความเห็นและเหตุผล ซึ่งที่ประธานวุฒิสภาเสนอหลายเรื่องที่ดี ส.ส.ร. ก็รับฟังบางเรื่องที่เห็นไปอีกแนวหนึ่ง และเมื่อถึงขั้นที่สมาชิกรัฐสภาจะโหวตก็ถือเป็นความรับผิดชอบของ ส.ส. และวุฒิสมาชิก ส.ส.ร. ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย หลังจากนั้นประชาชนจะตัดสินเอง ฉะนั้นช่วงนี้อยากขอร้องว่าขอให้เป็นไปตามขั้นตอนในการร่างรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่ว่ามีความพยามที่จะทำให้เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนไม่ควรคิดมากแต่ต้องนำเหตุผลความคิดมาพูดกันเพราะต้องการบรรยากาศที่ดี และการออกไปทำประชาพิจารณ์นั้น นายแก้วสรรยืนยันไม่ใช่การออกไปทำโพลเพื่อให้ประชาชนยกมือว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่ต้องการไปรับฟังความต้องการของประชาชนว่ามีอะไร เช่น ขณะนี้ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ในระบบปาร์ตี้ลิส เนื่องจากประชาชนเห็นว่าเลือกไม่ไหวในจำนวน 150 คน จากระบบบัญชีเดียว จากการศึกษาดูตนก็เห็นด้วย และน่าจะเป็นการแบ่งเขตเป็นภาคประชาชนแต่ละภาค จะได้ดูออกว่าใครเป็นคนดีในระดับภาคนั้นๆ ถ้าไม่แบ่งเป็นเขตและภาคในระบบปาร์ตี้ลิส ก็จะได้แต่คนกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้การเป็นผู้แทนก็จะน้อยลงเกิดความเจือจาง
"ตอนนี้ขอให้ใจเย็นๆ ขอให้ใช้องค์การเป็นที่ตัดสินข้อพิพากษ์วิจารณ์ ตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดาถือเป็นนิสัยของคน ใครจะพูดอย่างไรก็เชิญตามสบาย แต่หากต้องการให้บ้านเมืองลงเอยด้วย ความมีสาระก็ต้องใช้เหตุผลพูดกัน"
รองประธานคณะกรรมาธิการประชาสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของศาลสิ่งที่กลัวคือ การแบ่งแยกอำนาจแล้วเกิดความไม่มีอิสระ หากศาลไม่เป็นอิสระการตรวจสอบก็จะไม่ดี จึงต้องดูว่าแต่ละศาลมีความเป็นอิสระหรือไม่ หากไม่เป็นก็ถือว่า ส.ส.ร. ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะทำลายระบบศาล แต่ต้องแยกให้ออกว่าความอิสระคืออะไร ไม่ควรจะบอกว่าควรมีศาลหรือไม่ และควรจะเสนอเหตุผลเพื่อมาหารือกันโดยไม่มองที่ตัวบุคคลแต่ควรมองที่ปัญหา วันนี้ไม่ใช่เรื่องการทำลายหรือไม่ทำลาย อย่าไปมองที่ตัวเองแล้วมาบอกว่า ส.ส.ร. กำลังทำลายระบบของตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่ควรให้มีการตรวจสอบระบบการทำงานของศาล นายแก้วสรร กล่าว หากเป็นเรื่องอิสระของการพิพากษาควรจะมี แต่ถ้าเป็นเรื่องอิสระที่จะทำความผิดก็คงปล่อยไว้ไม่ได้ แต่ควรตั้งระบบควบคุมเช่นอำนาจของรัฐสภา สามารถถอดถอนผู้พิพากษาหากทำการทุจริตได้เพราะถือเป็นอำนาจของประชาชน เช่น เรื่องการรับสินบน ต้องแยกให้ออกว่าในความเป็นอิสระ ของการทำงานงานไม่ใช่อิสระของการทำชั่ว หรือทำการทุจริต ไม่ว่าเป็น ส.ส. วุฒิสมาชิกหรือศาลถ้ากระทำผิดก็สามารถถอดถอนได้--จบ--