กรุงเทพ--11 มิ.ย.--ศูนย์ข่าว ส.ส.ร.
ผลการสำรวจคำวิจารณ์ของประชาชนในช่วงประชาพิจารณ์ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและประชาพิจารณ์จัดทำขึ้นรวม 46 ประเด็นจากการสำรวจระหว่างวันที่ 16 พ.ค.-5 มิ.ย. 2540 โดยจำนวนแบบสอบถามที่นำมาประเมินและรายงานผล ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2540 รวม 23,750 คน จากแบบสอบถามที่คณะกรรมาธิการฯจัดพิมพ์และแจกจ่ายเองตามจังหวัดและเวทีประชาพิจารณ์ระดับภาค รวมทั้งนำแบบสอบถามให้สื่อมวลชนร่วมมือช่วยลงตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ (ยังมีจำนวนแบบสอบถามอีกประมาณ 35,000 คนที่จะประมวลผลรวมต่อไป) โดยผลเบื้องต้นพบว่า
ภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีผู้แสดงความคิดเห็นให้การยอมรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ถึงร้อยละ 78 พร้อมทั้งเห็นด้วยที่กำหนดให้บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (โดยรัฐอำนวยความสะดวกและอนุญาตให้แจ้งเหตุขัดข้องได้) ร้อยละ 79.84 ส่วนการกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่งเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี เพื่อแยกหน้าที่ออกกฏหมายและควบคุมออกจากการเป็นฝ่ายบริหาร มีคนเห็นด้วยร้อยละ 96.44 สำหรับจำนวน ส.ส.ให้มี 2 ประเภท คือ สมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเบอร์เดียว 350 คนและสมาชิกจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นจำนวน 150 คนนั้น มีผู้เห็นด้วยร้อยละ 47.55 ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยและไม่แน่ใจอีกร้อยละ 52.45 นั้น ต้องการให้เลือกส.ส.แบบเดิมร้อยละ 40.32 กับให้เลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเบอร์เดียว (เขตละ 1 คน) ร้อยละ 59.68 และประชาชนต้องการให้ ส.ส.มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่ร้อยละ 68.93
ส่วนที่มาวุฒิสมาชิก ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น ปรากฎว่าจากแบบสำรวจพบประชาชนร้อยละ 44.72 เห็นด้วยที่จะให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งของคณะกรรมการสรรหาจำนวน 3 ใน 4 ของสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้ง (ประมาณ 72 คน) และสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งโดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและใช้เกณฑ์ประชากร 1 ล้านคนเลือกวุฒิสมาชิกได้ 1 คน ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 55.28 มีทั้งผู้ที่ไม่เห็นด้วยและผู้ไม่แน่ใจได้มีความคิดให้สภาร่างฯกำหนดวิธีอื่น โดยสิ่งที่ต้องการมากที่สุดถึงร้อยละ 49.54 วุฒิสภาควรมีสมาชิกประเภทเดียวคือวุฒิสมาชิกที่ได้รับจากการเลือกตั้ง "โดยตรง"จากประชาชน
สำหรับการจับกุมคุมขังบุคคลใด ต้องได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาและให้โอกาสแจ้งญาติหรือผู้ไว้วางใจทราบและต้องนำไปศาลภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ถูกนำไปถึงที่ทำการของเจ้าพนักงาน เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าควรจะคุมขังต่อไปหรือไม่ มีผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยร้อยละ 48.68 ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยมีร้อยละ 45.14 และมีผู้ที่ไม่แน่ใจร้อยละ 6.19--จบ--
ผลการสำรวจคำวิจารณ์ของประชาชนในช่วงประชาพิจารณ์ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและประชาพิจารณ์จัดทำขึ้นรวม 46 ประเด็นจากการสำรวจระหว่างวันที่ 16 พ.ค.-5 มิ.ย. 2540 โดยจำนวนแบบสอบถามที่นำมาประเมินและรายงานผล ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2540 รวม 23,750 คน จากแบบสอบถามที่คณะกรรมาธิการฯจัดพิมพ์และแจกจ่ายเองตามจังหวัดและเวทีประชาพิจารณ์ระดับภาค รวมทั้งนำแบบสอบถามให้สื่อมวลชนร่วมมือช่วยลงตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ (ยังมีจำนวนแบบสอบถามอีกประมาณ 35,000 คนที่จะประมวลผลรวมต่อไป) โดยผลเบื้องต้นพบว่า
ภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีผู้แสดงความคิดเห็นให้การยอมรับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ถึงร้อยละ 78 พร้อมทั้งเห็นด้วยที่กำหนดให้บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (โดยรัฐอำนวยความสะดวกและอนุญาตให้แจ้งเหตุขัดข้องได้) ร้อยละ 79.84 ส่วนการกำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้นจากตำแหน่งเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี เพื่อแยกหน้าที่ออกกฏหมายและควบคุมออกจากการเป็นฝ่ายบริหาร มีคนเห็นด้วยร้อยละ 96.44 สำหรับจำนวน ส.ส.ให้มี 2 ประเภท คือ สมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเบอร์เดียว 350 คนและสมาชิกจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นจำนวน 150 คนนั้น มีผู้เห็นด้วยร้อยละ 47.55 ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยและไม่แน่ใจอีกร้อยละ 52.45 นั้น ต้องการให้เลือกส.ส.แบบเดิมร้อยละ 40.32 กับให้เลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเบอร์เดียว (เขตละ 1 คน) ร้อยละ 59.68 และประชาชนต้องการให้ ส.ส.มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่ร้อยละ 68.93
ส่วนที่มาวุฒิสมาชิก ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น ปรากฎว่าจากแบบสำรวจพบประชาชนร้อยละ 44.72 เห็นด้วยที่จะให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งของคณะกรรมการสรรหาจำนวน 3 ใน 4 ของสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้ง (ประมาณ 72 คน) และสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งโดยใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและใช้เกณฑ์ประชากร 1 ล้านคนเลือกวุฒิสมาชิกได้ 1 คน ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 55.28 มีทั้งผู้ที่ไม่เห็นด้วยและผู้ไม่แน่ใจได้มีความคิดให้สภาร่างฯกำหนดวิธีอื่น โดยสิ่งที่ต้องการมากที่สุดถึงร้อยละ 49.54 วุฒิสภาควรมีสมาชิกประเภทเดียวคือวุฒิสมาชิกที่ได้รับจากการเลือกตั้ง "โดยตรง"จากประชาชน
สำหรับการจับกุมคุมขังบุคคลใด ต้องได้รับการแจ้งข้อกล่าวหาและให้โอกาสแจ้งญาติหรือผู้ไว้วางใจทราบและต้องนำไปศาลภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ถูกนำไปถึงที่ทำการของเจ้าพนักงาน เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าควรจะคุมขังต่อไปหรือไม่ มีผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยร้อยละ 48.68 ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยมีร้อยละ 45.14 และมีผู้ที่ไม่แน่ใจร้อยละ 6.19--จบ--