กรุงเทพ--28 เม.ย.--ศูนย์ข่าว ส.ส.ร.
นายคณิน บุญสุวรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าววันนี้ (28 เมษายน 2540) ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แจ้งให้แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลติดต่อกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อร่วมหารือถึงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเพิ่งผ่านกระบวนการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการดำเนินการดังกล่าวนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่พรรคการเมือง จะร่วมแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ส.ส.ร. แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะคำนึงถึงหลักการสำคัญ โดยยืนยัน ส.ส.ร. จะไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสกดดันภายนอกเพียงเพื่อให้เกิดการประนีประนอมแน่นอน
ส่วนร่างรัฐธรรมนูญในประเด็น "ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องพ้นจากการเป็นส.ส."ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจส่งผลให้บรรดา ส.ส. ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้นั้น โฆษกคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า นักการเมืองที่คุ้นเคยกับระบบเก่าอาจไม่พอใจ แต่ถ้าพิจารณาโดยหลักการแล้ว การที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ร่างรัฐธรรมนูญเช่นนั้น ก็เนื่องมาจากเห็นถึงข้อบกพร่องในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งแทนที่ ส.ส.ร.จะปฏิบัติหน้าที่ ในทางนิติบัญญัติเพียงอย่างเดียว กลับต้องแบ่งเวลาไปทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหารด้วย ทำให้ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ด้านใดด้านหนึ่งได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้จึงได้เรียกร้องให้ ส.ส.มองถึงประโยชน์โดยรวม ซึ่งจะเกิดผลดีเป็นการปูทางให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาทำงานทางการเมือง โดยไม่มีการผูกขาดอำนาจดังเช่นที่ผ่านๆ มา
ทางด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวย้ำถึงแนวคิดที่เคยเสนอให้หัวหน้าทุกพรรคการเมืองเข้าหารือร่วมกันต่อร่างรัฐธรรมนูญว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาพิจารณาร่วมกันเท่านั้น ซึ่งหากพรรคการเมืองใดไม่เข้าใจและตีเจตนาเป็นอื่น ก็สุดแล้วแต่ ส่วนพรรคชาติไทย จะมีการหารือกันภายใน (วันที่ 30 เมษายน 2540 นี้) ก่อนจะแสดงท่าทีที่ชัดเจนในนามของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญ และส่วนตัวหัวหน้าพรรคชาติไทย ยอมรับว่าร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำขึ้นมาเมื่อพิจารณาอย่างคร่าว ๆ แล้วเห็นว่า พอที่จะได้รับ โดยเฉพาะที่มาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดให้มาจาก ส.ส. แบบแบ่งเขต (เขตเดียวคนเดียว) หรือจากส.ส.ตามบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง(Party list) นั้น เห็นได้ชัด ว่า ส.ส.ร. ยอมถอยลงมาพอสมควรแล้ว จึงได้ยอมแก้ไขในประเด็นดังกล่าว--จบ--
นายคณิน บุญสุวรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าววันนี้ (28 เมษายน 2540) ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แจ้งให้แกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลติดต่อกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อร่วมหารือถึงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเพิ่งผ่านกระบวนการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการดำเนินการดังกล่าวนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่พรรคการเมือง จะร่วมแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของ ส.ส.ร. แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะคำนึงถึงหลักการสำคัญ โดยยืนยัน ส.ส.ร. จะไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสกดดันภายนอกเพียงเพื่อให้เกิดการประนีประนอมแน่นอน
ส่วนร่างรัฐธรรมนูญในประเด็น "ผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต้องพ้นจากการเป็นส.ส."ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจส่งผลให้บรรดา ส.ส. ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้นั้น โฆษกคณะกรรมาธิการฯ ยอมรับว่า นักการเมืองที่คุ้นเคยกับระบบเก่าอาจไม่พอใจ แต่ถ้าพิจารณาโดยหลักการแล้ว การที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ร่างรัฐธรรมนูญเช่นนั้น ก็เนื่องมาจากเห็นถึงข้อบกพร่องในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งแทนที่ ส.ส.ร.จะปฏิบัติหน้าที่ ในทางนิติบัญญัติเพียงอย่างเดียว กลับต้องแบ่งเวลาไปทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหารด้วย ทำให้ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ด้านใดด้านหนึ่งได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้จึงได้เรียกร้องให้ ส.ส.มองถึงประโยชน์โดยรวม ซึ่งจะเกิดผลดีเป็นการปูทางให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาทำงานทางการเมือง โดยไม่มีการผูกขาดอำนาจดังเช่นที่ผ่านๆ มา
ทางด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวย้ำถึงแนวคิดที่เคยเสนอให้หัวหน้าทุกพรรคการเมืองเข้าหารือร่วมกันต่อร่างรัฐธรรมนูญว่า มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาพิจารณาร่วมกันเท่านั้น ซึ่งหากพรรคการเมืองใดไม่เข้าใจและตีเจตนาเป็นอื่น ก็สุดแล้วแต่ ส่วนพรรคชาติไทย จะมีการหารือกันภายใน (วันที่ 30 เมษายน 2540 นี้) ก่อนจะแสดงท่าทีที่ชัดเจนในนามของพรรคต่อร่างรัฐธรรมนูญ และส่วนตัวหัวหน้าพรรคชาติไทย ยอมรับว่าร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จัดทำขึ้นมาเมื่อพิจารณาอย่างคร่าว ๆ แล้วเห็นว่า พอที่จะได้รับ โดยเฉพาะที่มาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดให้มาจาก ส.ส. แบบแบ่งเขต (เขตเดียวคนเดียว) หรือจากส.ส.ตามบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง(Party list) นั้น เห็นได้ชัด ว่า ส.ส.ร. ยอมถอยลงมาพอสมควรแล้ว จึงได้ยอมแก้ไขในประเด็นดังกล่าว--จบ--