กรุงเทพ--2 เม.ย.--ศูนย์ข่าว ส.ส.ร.
ศ.ดร.กระมล ทองธรรมชาติ ประธานคณะกรรมาธิการวิชาการ ข้อมูลและศึกษาแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยหลังการประชุมวันนี้ (2 เมษายน 2540) ว่าได้มีการพิจารณาถึงการจัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งประกอบไปด้วยระเบียนบริหารราชการส่วนกลาง ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค และระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งทั้ง 3 ส่วนรัฐธรรมนูญควรกำหนดให้มีความสัมพันธ์กัน แต่ปรากฎว่าที่ผ่านมารัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เพียงหมวดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น แยกไว้เฉพาะ คณะกรรมาธิการวิชาการฯ จึงขอเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นหมวดที่ว่าด้วย การบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อระบุรายละเอียด และความสัมพันธ์ของการบริหารราชการทั้ง 3 ส่วน ให้มีความชัดเจน
และที่ประชุมได้พิจารณาสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้ง คือ
วันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2540 เรื่องระบบการเลือกตั้ง
วันที่ 11-12 มีนาคม 2540 เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
วันที่ 25-26 มีนาคม 2540 เรื่อง แนวนโยบายแห่งรัฐ/สถาบันการเมืองและ
อนึ่ง ที่ประชุมได้มีการปรึกษา หารือเกี่ยวกับ โครงการวิจัยเพื่อจัดทำ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในเรื่องต่าง ๆ อาทิ
- ศาลรัฐธรรมนูญ
- ศาลยุติธรรม
- ศาลปกครอง
- ตุลาการคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
- ปปป.
- สตง.
- คณะกรรมการการเลือกตั้ง
- การเปิดเผยทรัพย์สินของนักการเมือง
- ผู้ตรวจการรัฐสภา
- เงินอุดหนุนพรรคการเมือง
- กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
- กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง
- การบริหารราชการแผ่นดิน
- การปกครองท้องถิ่น
- ประมวลจริยธรรมของนักการเมือง
ทั้งนี้ จะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยจากสถาบันการศึกษา รวมทั้งตัวแทน ปปป. สตง. ร่วมโครงการวิจัย เพื่อจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3 ล้านบาท โดยประธานคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันถึงความจำเป็นในการวางแนวทางสำหรับการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องยอมรับสภาร่างรัฐธรรมนูญ ย่อมเข้าใจในเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นในการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หากกำหนดแนวทางไว้ชัดเจนก็จะไม่จำเป็นต้องตีความอีก ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิชาการฯ จะจัดทำการวิจัยให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และจะเสนอแนวทางการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญควบคู่กับการพัฒนาร่างรัฐธรรมนูญของที่ประชุมรัฐสภาด้วย--จบ--
ศ.ดร.กระมล ทองธรรมชาติ ประธานคณะกรรมาธิการวิชาการ ข้อมูลและศึกษาแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยหลังการประชุมวันนี้ (2 เมษายน 2540) ว่าได้มีการพิจารณาถึงการจัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งประกอบไปด้วยระเบียนบริหารราชการส่วนกลาง ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค และระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งทั้ง 3 ส่วนรัฐธรรมนูญควรกำหนดให้มีความสัมพันธ์กัน แต่ปรากฎว่าที่ผ่านมารัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เพียงหมวดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น แยกไว้เฉพาะ คณะกรรมาธิการวิชาการฯ จึงขอเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นหมวดที่ว่าด้วย การบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อระบุรายละเอียด และความสัมพันธ์ของการบริหารราชการทั้ง 3 ส่วน ให้มีความชัดเจน
และที่ประชุมได้พิจารณาสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ผ่านมาทั้ง 3 ครั้ง คือ
วันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2540 เรื่องระบบการเลือกตั้ง
วันที่ 11-12 มีนาคม 2540 เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
วันที่ 25-26 มีนาคม 2540 เรื่อง แนวนโยบายแห่งรัฐ/สถาบันการเมืองและ
อนึ่ง ที่ประชุมได้มีการปรึกษา หารือเกี่ยวกับ โครงการวิจัยเพื่อจัดทำ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในเรื่องต่าง ๆ อาทิ
- ศาลรัฐธรรมนูญ
- ศาลยุติธรรม
- ศาลปกครอง
- ตุลาการคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
- ปปป.
- สตง.
- คณะกรรมการการเลือกตั้ง
- การเปิดเผยทรัพย์สินของนักการเมือง
- ผู้ตรวจการรัฐสภา
- เงินอุดหนุนพรรคการเมือง
- กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
- กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง
- การบริหารราชการแผ่นดิน
- การปกครองท้องถิ่น
- ประมวลจริยธรรมของนักการเมือง
ทั้งนี้ จะเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยจากสถาบันการศึกษา รวมทั้งตัวแทน ปปป. สตง. ร่วมโครงการวิจัย เพื่อจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3 ล้านบาท โดยประธานคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันถึงความจำเป็นในการวางแนวทางสำหรับการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องยอมรับสภาร่างรัฐธรรมนูญ ย่อมเข้าใจในเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นในการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หากกำหนดแนวทางไว้ชัดเจนก็จะไม่จำเป็นต้องตีความอีก ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิชาการฯ จะจัดทำการวิจัยให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และจะเสนอแนวทางการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญควบคู่กับการพัฒนาร่างรัฐธรรมนูญของที่ประชุมรัฐสภาด้วย--จบ--