จากรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าเศรษฐกิจโดยการใช้จ่ายทั้งเพื่อบริโภคและลงทุน สอดคล้องกับการนำเข้าสินค้าและภาวะการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองมากขึ้น ส่วนการส่งออกปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มอุปสงค์ต่างประเทศ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาอาหารสำเร็จรูปที่มากขึ้น การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นตามราคาอาหารสดและอาหารสำเร็จรูป ส่วนดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากการนำเข้าที่หดตัวเป็นสำคัญขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลจากการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นจากต่างประเทศของสถาบันรับฝากเงินและการขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติรวมถึงการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของนักลงทุนไทยโดยรวมดุลการชำระเงินขาดดุลอย่างไรก็ตามการใช้พลังงานยังคงเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจโดยพบว่า สาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย สาขาธุรกิจการค้า และขนส่ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 0.3 0.2 1.7 และ1.1 ตามลำดับ โดยสาขาอุตสาหกรรมยังคงเป็นสาขาที่มีการใช้พลังงานในสัดส่วนที่สูงกว่าสาขาอื่นโดยมีสัดส่วนการใช้ร้อยละ37.1 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายทั้งหมดรองลงมาเป็นสาขาขนส่ง บ้านอยู่อาศัย ธุรกิจการค้า และเกษตรกรรม โดยมีการใช้ร้อยละ 35.4 15.1 7.2 และ 5.2 ตามลำดับ
ในช่วง2เดือนแรกของปี2557ประเทศไทยมีการนำเข้าพลังงานคิดเป็นมูลค่ากว่า324 พันล้านบาทโดยมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุดทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในตลาดโลกอยู่ที่ 104.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยลดสัดส่วนการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (Energy Intensity) พบว่าในช่วง2เดือนแรกของปี 2557 ประเทศไทยมีการใช้พลังงานทดแทน1 ,390 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนสัดส่วนการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง