สาขาเกษตรกรรม มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ5.34 โดยมีการใช้พลังงานจากน้ำมันสำเร็จรูปมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 99.3 ของการใช้พลังงานในภาคเกษตรกรรมทั้งหมดรองลงมาได้แก่ ไฟฟ้ฟ้า คิดเป็นร้อยละ 0.7 สาขาอุตสาหกรรม มีการใช้พลังงานลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.89 สำหรับโครงสร้างการใช้พลังงานในสาขาอุตสาหกรรม พบว่ามีการใช้ช้พลังงานจากถ่านหินและลิกไนต์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 26.3 ของการใช้พลังงาน ในสาขาอุตสาหกรรมทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติติ และพลังงานหมุนเวียนดั้งเดิม คิดเป็นร้อยละ 2 4.9 18.2 11.5 9.7 และ 9.4 ตามลำดับ สาขาบ้านอยู่อาศัย มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ0.04 โดยมีการใช้พลังงานจากพลังงานหมุนเวียนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.7 ของการใช้พลังงานในภาคบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ไฟฟ้า และน้ำมันสำเร็จรูป คิดเป็นร้อยละ 24.9 และ 18.4 ตามลำดับ ประกอบด้วย ฟืน แกลบ และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่ใช้ในบ้านอยู่อาศัยและอุตสาหกรรมในครัวเรือน รายงานการอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทยปี ๒๕๕๔ THAILAND EN ERGY EFFICI ENCY SITU ATION 2011 สาขาธุรกิจการค้า มีการใช้พลังงานลดลงร้อยละ 4.7 โดยมีการใช้พลังงานจากไฟฟ้ามากที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 79.76 ของการใช้พลังงานในภาคธุรกิจการค้าทั้งหมด รองลงมาได้ด้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป พลังงานหมุนเวียน และก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ 2 0.16 0.04 และ 0.04 ตามลำดับประกอบด้วยแสงอาทิตย์ สาขาขนส่ง มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.55 โดยมีการใช้พลังงานจากน้ำมันสำเร็จรูป มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ91.98 ของการใช้พลังงานในภาคขนส่งทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า คิดเป็นร้อยละ 8.0 และ 0.02 ตามลำดับ ประกอบด้วย เอทานอลและไบโดดีเซล จากการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศผ่านพระราชบัญญัติ การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ได้ส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานโดยรวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(Energy int ensity) มีแนวโน้มลดลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเมื่อพิจารณาการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (Energy intensity) จำแนกตามสาขาเศรษฐกิจ พบว่าสาขาขนส่งมีอัตราการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงกว่าสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ รองลงมาได้แก่ สาขาอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และธุรกิจการค้า ตามลำดับ