จากรายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่1 ปี 2557 ของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มหดตัวจากไตรมาสก่อน จากสถานการณ์การเมืองที่ยืดเยื้อทำให้ครัวเรือนและธุรกิจระมัดระวังในการบริโภคและลงทุน การใช้จ่ายภาครัฐทำได้จำกัดโดยเฉพาะงบลงทุน รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวมากขึ้น ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากการนำเข้าสินค้าที่หดตัว ขณะที่เงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลจากการเพิ่มเงินฝากในต่างประเทศของของสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศโดยรวมดุลการชำระเงินขาดดุล
อย่างไรก็ตามการใช้พลังงานยังคง เพิ่มขึ้นทุกสาขาเศรษฐกิจ โดยพบว่า สาขาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บ้านอยู่อาศัย สาขาธุรกิจการค้า และขนส่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 1.2 1.2 1.5 2.1 และ 0.9 ตามลำดับ โดยสาขาอุตสาหกรรม ยังคงเป็นสาขาที่มี การใช้พลังงานในสัดส่วนที่สูงกว่าสาขาอื่น โดยมีสัดส่วน การใช้ร้อยละ 37.1 ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายทั้งหมด รองลงมาเป็นสาขาขนส่ง บ้านอยู่อาศัย ธุรกิจการค้า และเกษตรกรรม โดยมีการใช้ ร้อยละ 35.4 15.1 7.2 และ 5.2 ตามลำดับ
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ประเทศไทยมีการนำเข้าพลังงาน คิดเป็นมูลค่ากว่า 336 พันล้านบาท โดยมีการนำเข้าน้ำมันดิบมากที่สุด ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในตลาดโลกอยู่ที่ 104.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยลดสัดส่วนการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (Energy Intensity) พบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2557 ประเทศไทยมีการใช้พลังงานทดแทน 2,133 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสัดส่วนการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง