รู้จัก "ไมเกรน" ดีหรือยัง?
ไมเกรน เป็นอาการปวดหัวที่พบได้บ่อย พบได้ทุกวัยและพบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี โรคนี้มักเป็นๆหายๆเรื้อรัง สร้างความรำคาญ ทรมานและทำให้เสียงานได้
ไมเกรนเป็นอาการ ปวดหัวที่พบได้บ่อย พบได้ทุกวัยและพบมากในช่วงอายุ 10-30 ปี โรคนี้มักเป็นๆหายๆเรื้อรัง สร้างความรำคาญทรมานและทำให้เสียงานได้
ปวดหัวอย่างไรถึงเป็นไมเกรน
มีอาการนำมาก่อนที่จะปวด ประมาณ 15-20 นาที เช่น เห็นแสงวูบวาบเป็นสีเหลืองๆ ตามัว คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย บางรายมีอาการหงุดหงิด ง่วงนอนมาก หรือมีอาการทางจิต เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า แต่อาการเหล่านี้ไม่พบในทุกรายที่ปวดไมเกรน
มักมีอาการปวดหัวข้างเดียว (หรือ 2 ข้าง) บริเวณขมัยหรือเบ้าตา บางคนอาจปวดท้ายทอยได้ มักปวดแบบตุบๆ และจะปวดในระดับกลางถึงมาก แต่ถ้าปวดพอรำคาญน้อยๆ โอกาสเป็นไมเกรนจะน้อย นอกจากนั้นอาการปวดแบบไมเกรนนั้น เมื่อหายปวดจะหายสนิท โดยในช่วงที่ปวดจะปวดนาน 2-4 ชั่วโมง หรือนาน 2-3 วัน
มีอาการร่วมขณะปวดหัว ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน รู้สึกเย็นตามปลายมือปลายเท้า กลัวแสง เป็นต้น
ไมเกรนเกิดจากอะไร
ยังไม่มีการยืนยันสาเหตุที่แน่นอน เชื่อว่าเกิดจากการมีปัจจัยกระตุ้นให้เส้นประสาทในสมองหลั่งสารบางอย่างออกมาและสารพวกนี้ไปทำให้เส้นเลือดขยายตัว การที่เส้นเลือดขยายตัวนี้เองทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน
สาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดการปวด
สิ่งกระตุ้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น
- อยู่ในที่มีเสียงดัง อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป มีแสงสว่างจ้า
- การใช้สายตาเพ่งดูอะไรนานๆ
- การสูดดมกลิ่นฉุนๆ เช่น ควันบุหรี่
- การอดนอนหรือนอนมากเกินไป
- หิวจัดหรือกินอาหารผิดเวลา
- ความเครียดทางอารมณ์
- การถูกกระแทกแรงๆที่มีศีรษะ
- อิทธิพลของโฮโมนเพศ มีประจำเดือน หรือก่อนมีประจำเดือน การใช้ยาคุมกำเนิด
- อาหารบางชนิด เช่น กาแฟ เนยแข็ง ช็อกโกแลต นมเปรี้ยว เหล้า เบียร์ อาหารทะเล อาหารทอด ผงชูรส ผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม มะนาว เป็นต้น
ไมเกรนรักษาอย่างไร
ที่สำคัญคือ ควรสังเกตตัวเองว่า อะไรที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น
การรักษาด้วยยา
การใช้ยาขณะมีอาการ ควรใช้ให้เร็วที่สุด ถ้าใช้ตอนที่ปวดหัวมากแล้ว มักจะไม่ค่อยได้ผล ถ้าปวดไม่มาก หรือคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะเกิดอาการปวดให้กินยาพาราเซตามอล หรือแอสไพริน ทันทีเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการและพักผ่อนในที่มืดและเงียบๆ สักครู่ ถ้าวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
การใช้ยาพวกเออร์กอตตามีน เช่น คาเฟอร์กอด(Cafergot) โพลีกอด(Polygot) เพื่อรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรคำแนะนำวิธีใช้ยานี้ มีดังนี้
ให้รับประทานยาทันทีที่มีอาการ 1-2 เม็ด ถ้าไม่หายให้ซ้ำได้อีก 1 เม็ด ทุก 30 นาที แต่ไม่เกิน 6 เม็ดต่อวันและ 10 เม็ดต่อสัปดาห์
ไม่ควรทานเกินขนาดเพราะอาจเกิดพิษจากยา เช่น เส้นเลือดปลายมือปลายเท้าหดตัวรุนแรงจนขาดเลือด หรือหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานา จะทำให้มีอาการปวดหัวเรื้อรัรงได้
ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
ห้ามใช้ในผุ้ที่เป็นโรคตับ โรคไต โรคหัวใจขาดเลือดและเส้นเลือดตีบ
มียาที่ใช้ป้องกันการเกิดหรือไม่ ในบางรตายที่มีอาการปวดบ่อยๆ ปวดรุนแรง อาจจำเป็นต้องใช้ยาป้องกันลดความถี่หรือความรุนแรง แต่เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียงและมีข้อห้ามใช้หลายประการจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อนใช้
ข้อพึงระวัง
อาการปวดศีรษะบ่อยๆ อาจเป็นอาการแสดงของปัญหาที่รุนแรงได้และการใช้ยาแก้ปวดนานๆอาจได้รับพิษจากยาได้ ในกรณีนี้ไม่ควรใช้ยารักษาเองแต่ควรปรึกษาแพทย์
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--