คำแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์
กรณี ฯพณฯ นายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศกัมพูชา
กล่าวพาดพิงเรื่องการเมืองไทย
ตามที่ได้มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2551 ฯพณฯ นายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคการเมืองไทยบางพรรคว่าได้พยายามใช้กรณีการยื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชา เพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมืองของตน ซึ่งตัวท่านเองเกรงว่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดี ระหว่างกัมพูชา — ไทย นั้น
พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งที่มีบุคคลสำคัญของมิตรประเทศเพื่อนบ้านสำคัญ ได้แสดงทัศนะเช่นนี้ต่อการเมืองภายในของไทย ซึ่งย่อมเป็นเรื่องของคนไทย อีกทั้งดูเหมือนได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเพิ่งได้อภิปรายท้วงติงการดำเนินการของรัฐบาลไทย ในเรื่องนี้ ในทางที่เป็นลบอย่างยิ่ง
พรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียนให้ทุกฝ่ายทราบว่า จุดยืนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องนี้เป็นจุดยืนที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากที่สุด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กล่าวคือ
1. พรรคประชาธิปัตย์ เล็งเห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และศาสนา ของปราสาทพระวิหาร และเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หากแต่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะต้องดำเนินการไปตามหลักการที่ถูกต้อง และในทางที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทั้งในส่วนของซากปราสาท บริเวณปราสาท (Temple area) พื้นที่ ๆ จะต้องเป็นพื้นที่อนุรักษ์ (Buffer Zone) และพื้นที่ ๆ จะต้องจัดการร่วมกัน ซึ่งหมายความว่า ไทยและกัมพูชาจะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกร่วมกัน
2. พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความสัมพันธ์อันดี และความร่วมมืออันแนบแน่น ยั่งยืนระหว่างไทย — กัมพูชา ซึ่งเห็นได้จากนโยบายต่อกัมพูชา ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลในช่วงปี พ.ศ. 2535 — 2538 และ 2540 — 2544 แต่ในขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะดังกล่าว จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน ความเข้าใจที่ตรงกัน และความตั้งใจที่จะไม่มีการเอารัดเอาเปรียบระหว่างกัน โดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งในกรณีเขาพระวิหาร พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่า หากรัฐบาลไทยดำเนินการต่อไปในเรื่องนี้ในแนวทางที่ได้ทำไป จะก่อให้เกิดความกังวลและความเคลือบแคลงสงสัย ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและยั่งยืนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง
พรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์ มิได้เป็นฝ่ายเดียวที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย ยังมีสมาชิกวุฒิสภาซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง สื่อมวลชน นักกฎหมาย นักวิชาการ และตัวแทนของประชาสังคม ตลอดจนประชาชนทั่วไปในจำนวนมาก ซึ่งได้แสดงจุดยืนเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุด ศาลปกครองกลาง ยังได้รับพิจารณาคำคัดค้านมติคณะรัฐมนตรี ในเรื่องการยื่นขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยราชอาณาจักรกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวอีกด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
รองเลขาธิการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 มิ.ย. 2551--จบ--
กรณี ฯพณฯ นายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศกัมพูชา
กล่าวพาดพิงเรื่องการเมืองไทย
ตามที่ได้มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2551 ฯพณฯ นายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคการเมืองไทยบางพรรคว่าได้พยายามใช้กรณีการยื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยกัมพูชา เพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมืองของตน ซึ่งตัวท่านเองเกรงว่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดี ระหว่างกัมพูชา — ไทย นั้น
พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งที่มีบุคคลสำคัญของมิตรประเทศเพื่อนบ้านสำคัญ ได้แสดงทัศนะเช่นนี้ต่อการเมืองภายในของไทย ซึ่งย่อมเป็นเรื่องของคนไทย อีกทั้งดูเหมือนได้กล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเพิ่งได้อภิปรายท้วงติงการดำเนินการของรัฐบาลไทย ในเรื่องนี้ ในทางที่เป็นลบอย่างยิ่ง
พรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียนให้ทุกฝ่ายทราบว่า จุดยืนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องนี้เป็นจุดยืนที่แน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายมากที่สุด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว กล่าวคือ
1. พรรคประชาธิปัตย์ เล็งเห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และศาสนา ของปราสาทพระวิหาร และเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หากแต่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จะต้องดำเนินการไปตามหลักการที่ถูกต้อง และในทางที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทั้งในส่วนของซากปราสาท บริเวณปราสาท (Temple area) พื้นที่ ๆ จะต้องเป็นพื้นที่อนุรักษ์ (Buffer Zone) และพื้นที่ ๆ จะต้องจัดการร่วมกัน ซึ่งหมายความว่า ไทยและกัมพูชาจะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกร่วมกัน
2. พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความสัมพันธ์อันดี และความร่วมมืออันแนบแน่น ยั่งยืนระหว่างไทย — กัมพูชา ซึ่งเห็นได้จากนโยบายต่อกัมพูชา ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลในช่วงปี พ.ศ. 2535 — 2538 และ 2540 — 2544 แต่ในขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นว่า ความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะดังกล่าว จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน ความเข้าใจที่ตรงกัน และความตั้งใจที่จะไม่มีการเอารัดเอาเปรียบระหว่างกัน โดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัย ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งในกรณีเขาพระวิหาร พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่า หากรัฐบาลไทยดำเนินการต่อไปในเรื่องนี้ในแนวทางที่ได้ทำไป จะก่อให้เกิดความกังวลและความเคลือบแคลงสงสัย ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและยั่งยืนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง
พรรคประชาธิปัตย์ ขอเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์ มิได้เป็นฝ่ายเดียวที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการของรัฐบาลไทย ยังมีสมาชิกวุฒิสภาซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง สื่อมวลชน นักกฎหมาย นักวิชาการ และตัวแทนของประชาสังคม ตลอดจนประชาชนทั่วไปในจำนวนมาก ซึ่งได้แสดงจุดยืนเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุด ศาลปกครองกลาง ยังได้รับพิจารณาคำคัดค้านมติคณะรัฐมนตรี ในเรื่องการยื่นขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยราชอาณาจักรกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวอีกด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
รองเลขาธิการและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 มิ.ย. 2551--จบ--