สำนักงาน คปภ. เผยตัวเลขความเสียหายด้านการประกันภัยจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมย้ำให้ผู้เอาประกันภัยที่ยังไม่ได้แจ้งความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน ขอให้แจ้งบริษัทประกันภัยทราบโดยทันที เพื่อสำนักงาน คปภ. สามารถให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุอุทกภัยในหลายจังหวัด ทั่วประเทศ จากการสำรวจข้อมูลในเบื้องต้นและการลงพื้นที่ พบว่ารถที่ทำประกันภัยภาคบังคับมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านคัน โดยรถที่ทำประกันภัยประเภท 1 มีจำนวน 661,047 คัน คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัย 293,329 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 สำนักงาน คปภ. ได้รับรายงานความเสียหายจากรถยนต์ประเภท 1 เพียง1,151 คัน คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัยทั้งสิ้น 92 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดที่แจ้งความเสียหายของรถยนต์มากที่สุดขณะนี้ คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 871 คัน คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัย 67 ล้านบาท รองลงมา คือ จังหวัดชลบุรี จำนวน 182 คัน คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัย 15 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักของการแจ้งความเสียหายน้อย เป็นเพราะน้ำยังไม่ลด และรถที่ทำประกันภัยในจังหวัดที่เกิดอุทกภัยอาจไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้
นอกจากนี้ ในส่วนของจำนวนกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยและกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 716,489 กรมธรรม์ คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัยทั้งสิ้น 1 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ จำนวนกรมธรรม์ดังกล่าวจะต้องได้รับการตรวจสอบว่าได้มีการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของน้ำท่วมหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานความเสียหายเพียง 86 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินเอาประกันภัยทั้งสิ้น 558 ล้านบาท โดยจังหวัดที่ได้รับรายงานความเสียหายมากที่สุดในขณะนี้ คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 81 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายของทรัพย์สินประมาณ 558 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้รับรายงานจะเป็นโรงงานที่มีการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวต่อไปว่า ภายหลังจากน้ำลดแล้ว คาดการณ์ว่าจะมีผู้เอาประกันภัยมาแจ้งความเสียหายเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันภัยรายใดที่เอกสารการทำประกันภัย หรือกรมธรรม์สูญหายขณะน้ำท่วม ขอให้ประสานงานสำนักงาน คปภ.จังหวัดได้ทันที เนื่องจาก สำนักงาน คปภ.ส่วนกลางมีฐานข้อมูลของผู้เอาประกันภัย และพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยต่อไป นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ.ร่วมกับภาคเอกชน และสถานศึกษา จัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัย เช่น รับแจ้งเหตุ บริการรถลาก แนะนำดูแลรถภายหลังน้ำลด ดังนั้น ผู้เอาประกันภัยที่ยังไม่ได้แจ้งความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน ขอให้แจ้งบริษัทประกันภัยทราบโดยทันที เพื่อการให้ความช่วยเหลือด้านการประกันภัยอย่างทันท่วงทีต่อไป หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 ทั่วประเทศ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร โทร 0-2513-1769 แฟ็กซ์ 0-2513-1437
ที่มา: http://www.oic.or.th