นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทประกันภัยจะต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาวางไว้กับสำนักงาน คปภ. เป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของเงินสำรองประกันภัยทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2553 มีบริษัทประกันภัย ทั้งสิ้น 70 บริษัท ได้นำทรัพย์สินมาวางไว้กับสำนักงาน คปภ. เป็นเงินสำรองประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันวินาศภัย จำนวนเงินทั้งสิ้น 8,715 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดทรัพย์สิน ดังนี้
1. พันธบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 3,826 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43.90 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
2. พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ จำนวน 2,135 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.49 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
3. เงินฝากธนาคาร จำนวน 2,315 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.56 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
4. ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 250 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.87 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
5. หุ้นและหุ้นกู้บริษัทจำกัด จำนวน 76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.88 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
6. หุ้นกู้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 113 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.30 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทประกันวินาศภัยจะต้องจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้ เป็นเงินสำรองประกันภัย เพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ในอนาคตตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับลูกค้า เช่น เมื่อครบกำหนดสัญญา เมื่อเสียชีวิตหรือเมื่อเวนคืนกรมธรรม์ ฯลฯ กฎหมายกำหนดให้บริษัทจะต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาวางไว้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของเงินสำรองประกันภัยทั้งสิ้น
ทั้งนี้ เงินสำรองประกันภัยที่บริษัทประกันวินาศภัยได้วางไว้กับสำนักงาน คปภ. นี้ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงสำหรับผู้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย กำหนดให้เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยมีบุริมสิทธิพิเศษเหนือเงินสำรองประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงกำหนดให้ทรัพย์สินที่นำมาวางไว้เป็นเงินสำรองประกันภัย ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูงเท่านั้น
หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร 02-513-1680
ที่มา: http://www.oic.or.th