สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดให้การกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง( Risk Based Capital :RBC) มีผลบังคับใช้ 1 กันยายน 2554 เพื่อให้บริษัทประกันภัยมีเงินกองทุนเพียงพอที่จะรองรับความสูญเสีย หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงสร้างศักยภาพธุรกิจประกันภัยไทยให้เข้มแข็งตามมาตรฐานสากล โดยในช่วงแรกกำหนดอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนขั้นต่ำร้อยละ 125
ธุรกิจประกันชีวิต : ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ความเสี่ยงด้านตลาด เป็นอันดับที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 46 ซึ่งมีสาเหตุมาจากความไม่สัมพันธ์กันระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไป อันดับที่ 2 ความเสี่ยงด้านการประกันภัย คิดเป็นร้อยละ 45
ธุรกิจประกันวินาศภัย : ความเสี่ยงหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงด้านการประกันภัย เป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 42 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการประกันภัยรถยนต์ อันดับที่ 2 ความเสี่ยงด้านตลาด เป็นคิดเป็นร้อยละ 27 ซึ่งส่วนใหญ่มากจากความผันผวนของราคาตราสารทุน
- 1 กันยายน 2554 - 31 ธันวาคม 2555 กำหนดอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสำหรับการเข้าแทรกแซงบริษัท (Solvency CAR) เท่ากับ ร้อยละ 125
- 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป กำหนดอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสำหรับการเข้าแทรกแซงบริษัท (Solvency CAR) เท่ากับ ร้อยละ 140
โดยในปี 2557 สำนักงานคปภ. จะทำการทบทวนค่าความเสี่ยงแต่ละประเภทความเสี่ยง รวมถึงอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ใช้ในการแทรกแซงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในขณะนั้น
- ต่ำกว่าร้อยละ 125 บริษัทประกันภัยยังสามารถรับประกันภัยได้อยู่ แต่จะให้จัดทำแผนแก้ไขฐานะการเงิน ซึ่งระหว่างนั้นจะถูกสั่งห้ามลงทุนหรือขยายธุรกิจใดๆ เพิ่มเติม
- ต่ำกว่าร้อยละ 100 หากเป็นบริษัทประกันวินาศภัยจะถูกสั่งหยุดรับประกันภัยชั่วคราวทันที ส่วนบริษัทประกันชีวิต จะถูกเข้าควบคุมกิจการ
ทั้งนี้ การใช้ RBC จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าบริษัทประกันภัยมีความมั่นคงพียงพอที่รองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะถ้าบริษัทมีความเสี่ยงมาก ก็จะต้องมีเงินกองทุนมารองรับความเสี่ยงมากขึ้นตามไปด้วย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมติดต่อสายด่วนประกันภัย 1186
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร. 02-513-1738
ที่มา: http://www.oic.or.th