สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยและบริษัทประกันภัย วางมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย ในการกระชับกระบวนการชำระค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยและบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าบริษัทประกันภัยสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องบริหารความเสี่ยง และจัดทำประกันภัยต่อตามสัดส่วนของเงินกองทุนกับบริษัทประกันภัยต่อที่มีความมั่นคงและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันที่มีมาตรฐานระดับโลก ซึ่งบริษัทประกันภัยได้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว โดยเฉพาะผู้เอาประกันภัยรายย่อยและรายกลาง เช่น บ้านที่อยู่อาศัยและรถยนต์ที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำเริ่มลดระดับ เช่น จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี เป็นต้น สำหรับผู้เอาประกันภัยรายใหญ่ อาทิเช่น โรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม บริษัทประกันวินาศภัยได้เริ่มพบปะกับผู้เอาประกันและเข้าสำรวจความเสียหาย
ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่าเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงภัยของภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ดังนั้น จึงขอให้ภาครัฐมีแผนงานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบประกันภัยไทยกับบริษัทประกันภัยต่อในต่างประเทศ ทั้งนี้สมาคมประกันวินาศภัยได้ขอให้สำนักงาน คปภ. ช่วยผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายอย่างรวดเร็ว เช่น เกณฑ์การกำหนดคุณสมบัติผู้ประเมินวินาศภัย เป็นต้น นอกจากนี้ธุรกิจประกันภัยยังมีแนวคิดในการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างบริษัทประกันภัย เช่น ผู้สำรวจภัย รถลาก อู่ซ่อมรถ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร เป็นต้น เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ การรอให้น้ำลด จะทำให้กระบวนการเนิ่นช้าไปอีก เราจึงต้องเริ่มเสียแต่ตอนนี้ คปภ. จะปรับเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ผู้ประเมินความเสียหาย เพื่อให้มีบุคลากรเข้ามารองรับอย่างเพียงพอ ”
1. มาตรการศึกษารูปแบบการรับประกันภัย สำหรับมหันตภัยร่วมกันทุกบริษัท (pool)
2. มาตรการฟื้นฟู และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน
3. มาตรการทางภาษีในการกำหนดเงินสำรองค่าสินไหมทดแทน การนำเข้าเครื่องจักรสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหาย
4. คณะทำงานติดตามและประเมินมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วมทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
ขณะนี้ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้วในบางจังหวัด สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จะร่วมกันจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านการประกันภัยเฉพาะกิจ อาทิเช่น จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี และอยุธยา เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น อาทิเช่น บริการตรวจสภาพและซ่อมแซมรถที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจต่อระบบธุรกิจประกันภัยไทยที่สามารถรองรับความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัย และสำนักงาน คปภ.มีระบบการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือด้านการประกันภัย สายด่วนประกันภัย 1186 ทั่วประเทศ
ที่มา: http://www.oic.or.th