สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ห่วงใยประชาชนเตือนตรวจสอบการทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ตลอดจนวันหมดอายุของการทำประกันภัยรถก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว พร้อมอำนวยความสะดวกและให้บริการสอบถามข้อมูลรถทุกคันที่ทำประกันภัย ทางสายด่วนประกันภัย 1186 ตลอดในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า ในวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด และท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่ ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการเดินทาง สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยผู้ใช้รถ จึงประสานสำนักงาน คปภ. และจังหวัด เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้บริการปรึกษาปัญหาด้านการประกันภัย และเป็นศูนย์กลางฐานข้อมูลด้านการประกันภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถโทรสอบถามข้อมูลการทำประกันภัยรถที่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยบริษัทประกันภัยสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งประชาชนสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ฝากเตือนผู้ใช้รถควรขับรถด้วยความระมัดระวัง อย่าลืมตรวจสอบการทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. และวันหมดอายุของการทำประกันภัยรถก่อนออกเดินทางท่องเที่ยว เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น การทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) สามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยและครอบครัวได้ ที่สำคัญควรตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงวันหยุดยาวนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนทำประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางอุ่นใจ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับการเดินทางในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ภายในประเทศ ที่ให้ความคุ้มครองการสูญเสียอวัยวะ สายตา ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และค่ารักษาพยาบาล โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ เช่น จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 10,000 บาท ระยะเวลาเดินทาง 1-14 วัน มีเบี้ยประกันภัยอยู่ระหว่าง 15 - 60 บาท ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ มีกรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางที่ให้ผลประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่น การเสียชีวิต ทุพพลภาพ ค่ารักษาพยาบาล ความล่าช้าหรือสูญหายของกระเป๋าเดินทาง ความสูญหายของทรัพย์สินส่วนตัว การพลาดการต่อเที่ยวบิน และค่าใช้จ่ายเมื่อการเดินทางหยุดชะงัก เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยจะจัดแผนความคุ้มครองแบบต่างๆ ให้ผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อตามความต้องการ โดยเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ในแต่ละแบบ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 02-513-1680
ที่มา: http://www.oic.or.th