สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จัดประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมดำเนินการรองรับกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการให้ได้รับความคุ้มครองทรัพย์สิน จากเหตุภัยพิบัติอันอาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้มีการรับประกันภัยในวงเงินและเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม บ้านที่อยู่อาศัย SME และอุตสาหกรรม
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยผลการประชุมหารือร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) และภาคธุรกิจประกันภัย ถึงแนวทางการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ภายหลังจากพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติมีผลบังคับใช้แล้วจะมีการออกกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ โดยกำหนดคำนิยามของภัยพิบัติที่ให้ความคุ้มครอง 3 ภัย ได้แก่ วาตภัย อุทกภัย และธรณีพิบัติ ซึ่งเบี้ยประกันภัยจะเป็นราคาที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยสูงเบี้ยประกันภัยก็จะสูงตามไปด้วย และหากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยต่ำเบี้ยประกันภัยก็จะถูกลง โดยบริษัทประกันภัยจะรับความเสี่ยงภัยไว้เองไม่น้อยกว่า 1% ส่วนที่เหลือจะส่งเข้ากองทุนฯ ต่อไป ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติขึ้น บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัดส่วนที่รับประกันภัยไว้
ในเบื้องต้นกองทุนฯ จะมีการแต่งตั้งผู้บริหารกองทุนฯ ซึ่งอาจเป็นบริษัทประกันภัยรายใด รายหนึ่งเข้ามาบริหารกองทุน โดยบริษัทประกันภัยใดที่จะเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ต้องได้รับความเห็นชอบจากกองทุนฯ ก่อน ทั้งนี้ รายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ความคุ้มครอง อัตราเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงของพื้นที่ จะมีการประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบ ต่อไป
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ สศค.และสมาคมประกันวินาศภัย อยู่ระหว่างร่วมกันพิจารณากำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม โดยศึกษาข้อมูลพื้นที่ความเสี่ยง และเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอัตราเบี้ยประกันภัยที่กองทุนฯ จะเสนอต่อสาธารณชนต้องต่ำกว่าอัตราตลาดที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
ที่มา: http://www.oic.or.th