นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้านการประกันภัยหลังน้ำลด โดยมอบหมายให้บริษัทประกันภัย จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยในภาคครัวเรือนให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และภาคอุตสาหกรรมให้ได้ร้อยละ 75 ภายใน 6 เดือน
สำนักงาน คปภ. ได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) เพื่อเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1. การประกันภัยรถยนต์ ได้รับความเสียหาย 39,497 คัน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว 35,794 คัน คิดเป็นร้อยละ 90.62 อยู่ระหว่างการดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 3,703 คัน
2. การประกันภัยทรัพย์สิน-อัคคีภัยที่อยู่อาศัย ได้รับความเสียหาย จำนวน 32,466 ราย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว 20,633 ราย คิดเป็นร้อยละ 63.55 อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 11,833 ราย
3. การประกันอัคคีภัยอาคารพาณิชย์และเอสเอ็มอี ได้รับความเสียหาย 5,912 ราย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว 3,854 ราย คิดเป็นร้อยละ 65.19 อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 2,058 ราย
4. การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ได้รับความเสียหาย จำนวน 8,389 ราย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว 1,865 ราย คิดเป็นร้อยละ 22.23 อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน 6,524 ราย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า การประกันชีวิต และการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนครบแล้ว 100% แต่สำหรับการประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนประมาณ 22.23% เนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีทุนเอาประกันภัยสูง และมีเงื่อนไขซับซ้อน เครื่องจักรที่เสียหายมีเทคโนโลยีสูง จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะ ซึ่งผู้เอาประกันต้องการรอผู้แทนจำหน่ายตรวจสอบคุณภาพของเครื่องจักรและประเมินความเสียหายร่วมกับผู้ประเมินวินาศภัย เครื่องจักรบางเครื่องตกรุ่นไม่มีอะไหล่ ต้องเทียบราคากับรุ่นที่ใกล้เคียง หรือต้องสั่งอะไหล่จากต่างประเทศ ปัญหาต่างๆ อันรวมไปถึงแม้กระทั่งคุณภาพของรายงานการประเมินเอง ที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยสำนักงาน คปภ. จะติดตามประสานกับบริษัทประกันภัยเพื่อเร่งการจ่ายค่าสินไหมทดแทนต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.oic.or.th