นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2555 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 215,443 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.00 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 145,643 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด คือ การประกันชีวิตประเภทสามัญ จำนวน 121,959 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.66 รองลงมาการประกันชีวิตประเภทกลุ่ม จำนวน 18,138 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.52 และการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจำนวน 2,078 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.15
ธุรกิจประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 69,799 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยรับสูงสุด คือ การประกันภัยรถ จำนวน 40,567 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.08 รองลงมาการประกันภัยเบ็ดเตล็ด จำนวน 23,014 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 33.86 และ การประกันอัคคีภัย จำนวน 4,115 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.33
ทั้งนี้ วันที่ ณ 31 พฤษภาคม 2555 มีจำนวนกรมธรรม์ประกันภัยรายใหม่ รวมทั้งสิ้น 21,515,247 ราย ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.72 คิดเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยรวม 32,774,630 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 2,199,470 ราย เป็นจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,426,623 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.47 และกรมธรรม์ประกันวินาศภัย จำนวน 19,315,777 ราย ขยายตัวร้อยละ 11.84 เป็นจำนวนเงินเอาประกันภัย 31,348,007 ล้านบาท
ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการขยายตัวอย่างมั่นคง ทำให้ ณ 31 พฤษภาคม 2555 ธุรกิจประกันชีวิตมีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับ รวมทั้งสิ้นจำนวน 18,912,226 ราย คิดเป็นสัดส่วนผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อจำนวนประชากรร้อยละ 29.08 และธุรกิจประกันวินาศภัย มีจำนวนผู้ทำประกันวินาศภัย รวมทั้งสิ้น 19,315,777 ราย ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.84
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมประกันภัยมีพัฒนาการที่ดีมาเป็นลำดับ ประชาชนและผู้เอาประกันภัยมีความมั่นใจต่อธุรกิจประกันภัย และเห็นความสำคัญของการประกันภัยมากขึ้น ประกอบกับสำนักงาน คปภ. และผู้ประกอบการมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ให้มีความหลากหลาย และตรงกับความต้องการของประชาชน จึงเป็นแรงสนับสนุนให้ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตขึ้นเป็นลำดับ
ที่มา: http://www.oic.or.th