นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างเดือนมกราคม — กรกฎาคม 2555 มีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 311,993 ล้านบาท เป็นการขยายตัวร้อยละ 19.80 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ธุรกิจประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 212,443 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันรับสูงสุด คือ การประกันชีวิตประเภทสามัญ จำนวน 177,841 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17.80 รองลงมาการประกันชีวิตประเภทกลุ่ม จำนวน26,684 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 21.82 และการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล จำนวน 3,078 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.14
ธุรกิจประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง รวมทั้งสิ้น 99,550 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 24.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันรับสูงสุด คือ การประกันภัยรถ จำนวน 58,066 ล้านบาท ขยายตัว ร้อยละ 21.23 รองลงมาการประกันภัยเบ็ดเตล็ด จำนวน 32,522 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 34.42 และการประกันอัคคีภัย จำนวน 5,961 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 22.15
ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ธุรกิจประกันชีวิตมีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับ รวมทั้งสิ้น 19,531,174 กรมธรรม์ และจำนวนกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใหม่ 3,087,354 กรมธรรม์ ขยายตัวร้อยละ 8.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัยมีกรมธรรม์ที่มีผลบังคับ รวมทั้งสิ้น 44,882,235 และจำนวนกรมธรรม์ประกันวินาศภัยรายใหม่ จำนวน 27,903,444 กรมธรรม์ ขยายตัวร้อยละ 11.54
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนทั้งประเทศ ส่งผลให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่นการประกันชีวิตแบบบำนาญ และกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองธรรมชาติ ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ธุรกิจประกันภัยจึงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสำนักงาน คปภ. มีมาตรการเชิงรุก ลงพื้นที่ จัดบรรยายสร้างความรู้ความเข้าใจด้านประกันภัยไปสู่ภูมิภาค ทั่วประเทศ จึงทำให้ระบบประกันภัยเข้าถึงประชาชนมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อจำนวนประชากรอยู่ที่ร้อยละ 30.03 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นอย่างเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับเป้าหมายในแผนพัฒนาธุรกิจประกันภัย ฉบับที่ 2 ที่กำหนดไว้ ร้อยละ 40 ภายในปี 2557
ที่มา: http://www.oic.or.th