1. สินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันชีวิต 1,563,642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.37 โดยสินทรัพย์ลงทุนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จำนวน 1,329,765 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 85.04 ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น โดยลงทุนในพันธบัตร คิดเป็นร้อยละ 61.01 ของสินทรัพย์ลงทุน
2. สินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันวินาศภัย 183,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.44 สินทรัพย์ลงทุนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จำนวน 124,814 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.96 ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น โดยลงทุนในเงินฝากธนาคารสูงสุดร้อยละ 30.10 ของสินทรัพย์ลงทุน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจประกันภัยทำให้สินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันภัยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัยมีการลงทุนในตราสารทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูง เพื่อความสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยได้ตลอดเวลาหากเกิดความเสียหายขึ้น นับว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ธุรกิจประกันภัย และจากนโยบายรัฐบาลในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 54 และมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก ทำให้จำนวนรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ส่งผลให้ประชาชนเล็งเห็นความสำคัญและเข้าถึงการทำประกันภัยมากขึ้น ทำให้คาดการณ์ได้ว่าธุรกิจประกันภัย ในปี 2555 จะมีการขยายตัวประมาณร้อยละ 18.14 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้นจำนวน 553,696 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP อยู่ที่ร้อยละ 4.81
ที่มา: http://www.oic.or.th