เกี่ยวกับแนวทางการคุ้มครองสิทธิประโยชน์และกระบวนการระงับข้อพิพาท เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชน
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2555 กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม โดยนางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท และคณะผู้บริหาร ได้เข้าพบกับ สำนักงาน คปภ. โดยนายชนะพล มหาวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายระงับข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ ณ ห้องประชุม 204 อาคารสำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก เพื่อประชุมหารือและพิจารณาแนวทางเพื่อดำเนินการร่วมกันตามกรอบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการประกันภัย ที่ทั้งสองหน่วยงานทำความตกลงร่วมกันไว้
นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ กล่าวว่าในปีงบประมาณ 2556 กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จะดำเนินงานด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชุน โดยผ่านกลไกล กระบวนการระงับข้อพิพาทที่เป็นภารกิจในการดูแลสิทธิประโยชน์ประชาชนทั้งสองหน่วยงาน และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชนอีกทางหนึ่ง โดยการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจและความร่วมมือในการแก้ปัญหาและลดเงื่อนไขความแตกแยกจากมูลเหตุความขัดแย้งทุกด้านซึ่งในภาคธุรกิจประกันภัยก็อาจมีข้อโต้แย้งจากสัญญาประกันภัยเกิดเป็นความขัดแย้งและเกิดเป็น ข้อพิพาทขึ้นในที่สุด ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจึงได้หารือกับสำนักงาน คปภ.ในฐานะหน่วยงานภาคีภายใต้กรอบข้อตกลง (MOU) เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินงานร่วมกัน
นายชนะพล มหาวงษ์ กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. กับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ให้ความร่วมมือภายใต้กรอบข้อตกลง (MOU) ในด้านวิชาการและบุคลากรเกี่ยวกับกระบวนการระงับ ข้อพิพาทด้านการประกันภัยอย่างต่อเนื่อง และเห็นว่าแผนงาน/โครงการของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในปี 2556 นั้น เป็นแผนงานในการดูแลสิทธิประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ เป็นภาพรวมและมุ่งบริหารจัดการความขัดแย้งและเยียวยาผลจากความขัดแย้ง โดยเป็นการเสริมสร้างความสมานฉันท์ถึงระดับชุมชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงาน คปภ. ที่มุ่งเน้นเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย หรือผู้ที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากสัญญาประกันภัย โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการประกันภัย นำการประกันภัยมาใช้เป็นหลักประกันความเสี่ยงภัยทั้งตนเองและสังคม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดจากการประกันภัย ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานทั้งทางปฏิบัติและด้านงานวิชาการในกระบวนการระงับข้อพิพาทในแนวทางเดียวกันผู้แทนฯ ของทั้งสองหน่วยงานจึงมีความเห็นร่วมกันว่า ในอนาคตควรมีความร่วมมือและบูรณาการงานตามแผนงาน/โครงการให้มีความเชื่อมโยงและมีความสอดคล้องกัน เพื่อเป็นการดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่ประชาชนในภาพรวมตามภารกิจที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: http://www.oic.or.th