ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องของบริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด โดยมีความเห็นว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีคำสั่งนายทะเบียนให้บริษัท เอ.พี.เอฟ.อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด (บริษัทฯ) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2553 กรณีบริษัทฯ ไม่สามารถแก้ไขฐานะการเงินได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินเป็นจำนวน 265.13 ล้านบาท และมีค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายเป็นเงินจำนวน 157.27 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทฯ ยังฝ่าฝืนกฎหมายหลายประการ เช่น รับประกันภัยในระหว่างการห้ามขยายธุรกิจ จัดสรรทรัพย์สินไม่เพียงพอสำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย อันมีฐานะหรือการดำเนินงานในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนผู้เอาประกันภัย นั้น
เพื่อจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดแก่ประชาชนผู้เอาประกันภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 และมีคำสั่งที่ 1583/2553 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2553 เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป
บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2554 ขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษายกเลิกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือชะลอคำสั่งดังกล่าวไม่น้อยกว่า 120 วัน เนื่องจากเห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บัดนี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ให้ยกฟ้องของ
บริษัท เอ.พี.เอฟ. อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวรันส์ จำกัด โดยมีความเห็นว่าคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่มา: http://www.oic.or.th