นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 จะทำให้การเคลื่อนย้ายคน สินค้า และการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศเป็นไปอย่างเสรี ส่งผลต่อการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยรถภาคบังคับของไทย สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานผู้กำกับดูแลพระราชบัญญัติฯ จึงจำเป็นต้องทำการศึกษา แนวทางการพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยได้ว่าจ้างสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มาเป็นผู้ทำการศึกษาวิจัย กรอบและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการพัฒนาระบบการประกันภัย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 นอกจากนั้นการศึกษา วิจัยได้เน้นในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้
- การศึกษาความเป็นไปได้ของการเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน ในการประกันภัยภาคบังคับ
- การประกันภัยรถภาคบังคับในอาเซียนและการประกันภัยรถผ่านแดน
- การเพิ่มศักยภาพการจ่ายค่าสินไหมทดแทนผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim)
- การศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ใช้ระยะเวลารวมทั้งหมด 9 เดือน คาดการณ์ว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 จะได้ข้อสรุปผลการศึกษาวิจัยในเบื้องต้น ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะนำไปพิจารณาร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อจัดทำเป็นมาตรการดำเนินงาน โดยเฉพาะการเพิ่มความคุ้มครองประเภททรัพย์สินของกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ ที่จะต้องวางแผนงานอย่างเป็นระบบเพื่อรองรับก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านการประกันภัยรถในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
ที่มา: http://www.oic.or.th