นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่าการลงนามบันทึกความตกลงในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชน และผู้เอาประกันภัย ในการลดขั้นตอนการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในกรณีบริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งโดยปกติเมื่อบริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้ชำระบัญชีของบริษัทประกันภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้จัดการกองทุนฯ ด้วย อีกทั้งหากผลการชำระบัญชีปรากฏว่าทรัพย์สินของบริษัทมีไม่เพียงพอชำระหนี้ผู้ชำระบัญชีต้องยื่นฟ้องให้บริษัทล้มละลายต่อศาลล้มละลาย ซึ่งหากศาลล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดผู้เอาประกันภัยจะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายดังกล่าวมีหลายขั้นตอนและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการยาวนาน ทำให้เกิดภาระแก่ประชาชน และผู้เอาประกันภัยในการดำเนินการยื่นคำขอรับชำระหนี้
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่าบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงเจตจำนงของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินงานร่วมกันอย่างบูรณาการอันจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเป็นการลดขั้นตอนการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้เหลือเพียงครั้งเดียว ช่วยลดภาระของเจ้าหนี้ประกันภัยในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้ กรณีบริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด เจ้าหนี้ประกันภัยสามารถยื่นขอรับชำระหนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน — 2 สิงหาคม 2556 เวลา 9.00 น. — 16.30 น. ณ สำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ และสำนักงานผู้ชำระบัญชี
ที่มา: http://www.oic.or.th