สำนักงาน คปภ. ได้ประสาน สำนักงาน คปภ. จังหวัดเลย ทราบเบื้องต้นว่ารถทัวร์คันดังกล่าว ได้จัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยซื้อความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกส่วนเกินจาก พ.ร.บ. 300,000 บาทต่อคน และซื้อประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) คุ้มครองผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร 39 คน กรณีเสียชีวิต หรือ ค่ารักษาพยาบาล คนละ 50,000 บาท ซึ่งทายาทผู้ประสบภัยและผู้ได้รับบาดเจ็บที่โดยสารรถทัวร์จะได้รับความคุ้มครอง ดังนี้ 1. ค่าเสียหายเบื้องต้น ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
1.1 กรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน
1.2 กรณีเสียชีวิต ทายาทโดยธรรมจะได้รับค่าปลงศพ คนละ 35,000 บาท
1.3 หากผู้ได้รับบาดเจ็บและต่อมาเสียชีวิต จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น ตาม ข้อ 1.1 และ ข้อ 1.2 รวมกันไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน
1.4 ค่าชดเชยรายวัน สำหรับผู้ประสบภัยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท สูงสุด ไม่เกิน 20 วัน
2.1 กรณีบาดเจ็บได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคนละ 50,000 บาท
2.2 กรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าปลงศพ คนละ 50,000 บาท
ส่วนผู้โดยสารรถกระบะที่ได้รับบาดเจ็บไปขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นค่ารักษาพยาบาลจากเจ้าของรถตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน หากเจ้าของรถไม่จ่าย หรือจ่ายไม่ครบ ขอให้ไปติดต่อขอรับได้ที่สำนักงาน คปภ.
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับ บาดเจ็บ ในเบื้องต้นทราบว่าบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อทายาทของผู้เสียชีวิตในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว และได้ประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษา พยาบาลแล้ว ซึ่งค่าสินไหมทดแทนทำได้เพียงบรรเทาแต่ไม่สามารถทดแทนความสูญเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตได้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการกำกับดูแลผู้ประกอบการให้เข้มงวดยิ่งขึ้นโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารตลอดจนสาธารณชนเป็นสำคัญ และทราบว่ารถกระบะคู่กรณีกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ และภาคสมัครใจ เพิ่งหมดอายุเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557 เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น่าเกิดขึ้น ทำให้เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางแพ่งและทางอาญา จึงขอให้เจ้าของรถตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต การทำประกันภัยไว้สามารถบรรเทาความเดือนร้อนของท่านได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 หรือ www.oic.or.th
ที่มา: http://www.oic.or.th