สำนักงาน คปภ. ได้ประสานกับสำนักงาน คปภ. จังหวัดลำปาง เบื้องต้น ทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าว มีประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย ดังนี้
1. ผู้ประสบภัยเสียชีวิต ทายาทสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
1.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 200,000 บาทต่อคน สำหรับผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตามกฎหมายจะได้รับเฉพาะค่าเสียหายเบื้องต้น
1.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กรณีไม่มีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาทต่อคน หรือกรณีมีผู้ขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300,000 บาทต่อคน
1.3 ความคุ้มครองจากการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) สำหรับผู้ขับขี่ 100,000 บาท และผู้โดยสาร 6 คนๆ ละ 100,000 บาท
2. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
2.1 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับผู้ประสบภัยที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน
2.2 ความคุ้มครองจากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) ได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และจะได้เร่งประสานบริษัทประกันภัย ให้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร็ว และให้ประสานโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้บาดเจ็บเพื่ออำนวยความสะดวกด้านค่ารักษาพยาบาล และขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนขับรถด้วยความไม่ประมาท ตรวจสอบวันหมดอายุการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ด้วย และหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้นสามารถซื้อประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติมได้ จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าระบบประกันภัยสามารถรองรับหรือบรรเทาความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และหากท่านซื้อกรมธรรม์ประกันภัย 200 เบี้ยประกันภัย 200 บาท/ปี ก็จะได้รับความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอีก 100,000 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 และเว็บไซต์ www.oic.or.th
ที่มา: http://www.oic.or.th