คปภ.ลุยเดินหน้าปรับประกันภัยรถภาคบังคับ

ข่าวทั่วไป Monday February 2, 2015 14:25 —คปภ.

นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยผลการประชุมระหว่าง สำนักงานคปภ.สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เพื่อร่วมกันพิจารณาปรับปรุงการประกันภัยรถภาคบังคับ หรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ในเชิงบูรณาการตามผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอโดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทุกคน โดยที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน และกำหนดกรอบการพิจารณาไว้ 5 ประเด็นคือ

1. การปรับวงเงินการคุ้มครองให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อการดูแลผู้ประสบภัยจากรถ

2. การปรับเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับความจริง

3. การปรับปรุงรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยให้รวมการประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจอยู่ในฉบับเดียวกัน

4. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย

5. การขยายขอบเขตการประกันภัยรถภาคบังคับ ให้ครอบคลุมความเสียหายในส่วนอื่นมากขึ้นเช่น คุ้มครองทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่าข้อเสนอจากงานวิจัยของทีดีอาร์ไอบางประเด็นสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. บางประเด็นเป็นอำนาจของคณะกรรมการ คปภ. และมีอีกหลายประเด็นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย จึงได้มอบนโยบายให้คณะทำงาน เร่งจัดทำรายละเอียด กรอบระยะเวลา และแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจน ให้ได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปีนี้ เช่น ในเรื่องการเพิ่มวงเงินการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้มีความเหมาะสมนั้น อาจต้องมีการกำหนดแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่าจะมีการปรับวงเงินการคุ้มครองเท่าไหร่ อย่างไรเนื่องจากการเพิ่มวงเงินการชดเชยอาจมีผลกระทบต่อเบี้ยประกันภัยด้วย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการปรับจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จากเดิมที่กำหนดไว้จำนวนเงินไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ปรับเพิ่มเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน และได้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา

ดร. สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา เยียวยาก็ปรับสูงขึ้น ดังนั้น การรักษาเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถควรมีการพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการบริการและการชดเชยค่าใช้จ่าย การเพิ่มวงเงินคุ้มครองชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต และโดยเฉพาะผู้ประสบภัยที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลมีความจำเป็นเร่งด่วน วงเงินความคุ้มครองควรได้รับการปรับปรุงให้เพียงพอต่อการรักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มความคุ้มครองอาจมีการปรับวงเงินเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อให้สังคมเกิดการปรับตัวและได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากอาจต้องมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยควบคู่กันไปด้วย อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการปรับเบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ให้สะท้อนภาพความจริงให้มากที่สุด ลดการนำเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไปอุดหนุนผลขาดทุนรถจักรยานยนต์

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ