สินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันชีวิต จำนวน 2,251,169 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 94.61 ของสินทรัพย์รวมของธุรกิจประกันชีวิต โดยสินทรัพย์ลงทุนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรมีจำนวนสูงสุดที่ 1,294,063 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.48 ของสินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันชีวิต และเงินฝาก 78,942 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.51 ซึ่งหากพิจารณาอัตราส่วนความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 อยู่ที่ร้อยละ 136.93 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคงเข้มแข็ง มีสินทรัพย์ลงทุนเพียงพอต่อหนี้สินผู้เอาประกันภัย
สินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันวินาศภัย จำนวน 294,210 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.48 ของสินทรัพย์รวมของธุรกิจประกันวินาศภัย ทั้งนี้ สินทรัพย์ลงทุนส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยลงทุนในเงินฝากธนาคารสูงสุดจำนวน 106,511 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.20 ของสินทรัพย์ลงทุนของธุรกิจประกันวินาศภัย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.29 และลงทุนในพันธบัตร จำนวน 63,522 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.59 โดยเมื่อพิจารณาเงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องของธุรกิจประกันวินาศภัย พบว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 มีสินทรัพย์สภาพคล่องรวมทั้งสิ้น 291,981 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.71
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า บทบาทของธุรกิจประกันภัย ในการเป็นผู้ลงทุนสถาบันรายใหญ่ในตลาดทุนของประเทศได้เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัยมีการลงทุนในตราสารทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำและมีสภาพคล่องสูง เพื่อความคล่องตัวในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีเกิดความเสียหายขึ้น ทำให้ประชาชนและผู้เอาประกันภัยเกิดความเชื่อมั่น และเล็งเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้น สำหรับภาพรวมของธุรกิจประกันภัยไตรมาส 1 ปี 2558 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 184,622 ล้านบาท หดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 0.40 โดยแบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยจากธุรกิจประกันชีวิต จำนวน 132,325 ล้านบาท หดตัวลดเล็กน้อยที่ร้อยละ 1.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากธุรกิจประกันวินาศภัย จำนวนรวมทั้งสิ้น 52,297 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่มา: http://www.oic.or.th