สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ลงลึกในรายละเอียดของแนวทางการปฎิบัติงานให้สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันบูรณาการงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเครือข่ายการประสานงานและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บริโภคด้านการประกันภัย ดูแลผู้บริโภคในกรณีที่มีการร้องเรียนหรือมีปัญหาด้านการประกันภัย ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยต่อผู้บริโภค รวมกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยให้กับผู้บริโภค มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านวิชาการ และส่งเสริมพัฒนาบุคลากรด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการประกันภัย ตลอดจนร่วมกันติดตาม ประเมินผล และประชาสัมพันธ์การดำเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน
เลขาธิการคปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาหากมีเรื่องร้องเรียนด้านประกันภัยไปยัง สคบ. ก็จะมีการรวบรวมเรื่องร้องเรียนส่งเป็นหนังสือกลับมายัง คปภ. เพื่อพิจารณาข้อร้องเรียนหรือไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่กำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยโดยตรง และเมื่อคปภ.พิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเสร็จสิ้นก็จะทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานสคบ.ให้รับทราบถึงผลการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งกระบวนการในลักษณะนี้มีระยะเวลาการดำเนินงานอยู่พอสมควรทำให้ยากต่อการติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้นความร่วมมือของคปภ.และสคบ.ในครั้งนี้จึงมีแนวคิดที่จะมีการเชื่อมระบบฐานข้อมูลรับเรื่องร้องเรียนของทั้งสองหน่วยงานเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถติดตามสถานะของเรื่องร้องเรียนด้านประกันภัยว่ามีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาไปถึงไหนอย่างไร อีกทั้งยังสามารถติดตามเรื่องร้องเรียนได้ว่าอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่คนใด เพื่อให้การบริการประชาชนมีความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการกระชับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2558 ทางสคบ.จะเปิดศูนย์ราชการสะดวกด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งมีลักษณะเป็นการรวมหน่วยงานที่ให้ความคุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาอยู่ด้วยกัน โดยคปภ.จะส่งพนักงานของคปภ. ไปประจำเพื่อรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาด้านการประกันภัยภายในศูนย์ดังกล่าวด้วย
“การเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลนี้ไม่เพียงแค่คปภ.และสคบ.เท่านั้น แต่ผมยังมีแนวคิดที่จะใช้แนวร่วมของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ในการเชื่อมเข้าหากันลักษณะเป็นเครือข่ายรวมกันอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเตรียมรองรับแนวนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล อีโคโนมี ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีช่องทางติดต่อสื่อสารกับคปภ.ได้ง่ายยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันคปภ.ก็สามารถรณรงค์ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยให้กับประชาชนในลักษณะ Two way communication ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมประกันภัยเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างแท้จริง” ดร.สุทธิพล กล่าวในที่สุด
ที่มา: http://www.oic.or.th